นายกฯย้ำจะไม่ขัดแย้ง ตั้งไทยนิยมไม่ได้สืบทอดอำนาจ

30 มกราคม 2561, 15:32น.


หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกรณี ที่มีกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช. และเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้ง หลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)มีมติยืดการบังคับใช้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ออกไปอีก 90 วัน จนทำให้คนที่เคยสนับสนุนก็ออกมาร่วมวงคัดค้านด้วย ว่า อาจจะมีเหตุผลหลายอย่าง แต่ตนเองต้องรับฟังทุกภาคส่วน และจะต้องทำความเข้าใจถึงผลดี ผลเสีย  แม้ว่าจะไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของกฎหมายจึงต้องดูว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร



ส่วนเรื่องกองหนุนที่ลดลง ตามคำเตือน ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ถือเป็นเรื่องธรรมชาติของการเป็นรัฐบาล เพราะทำงานมา 3 ปีเศษจะเข้าปีที่ 4 แล้ว ต้องมีปัญหา เหมือนกันทุกรัฐบาล พอถึงเวลาอาจจะมีจุดอ่อน เพราะทำงานมากยิ่งมีปัญหามากขึ้น จึงต้องไปดูเหตุผลว่าจะแก้ได้อย่างไร คนที่เคยสนับสนุนเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็อยากให้ทุกอย่างราบรื่น จึงมีความรู้สึกไม่ดีต่อรัฐบาลก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการทำงานเข้าปีที่4 ของทุกรัฐบาล แต่ยืนยันจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด



นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกระแสที่มีการคาดการณ์ว่าช่วงนี้รัฐบาลถูกมองอยู่ในช่วงขาลง ว่าระยะเวลาการทำงานของรัฐบาล อาจจะมีความขัดแย้งสูงและอาจจะมีคนได้และเสียประโยชน์ จึงต้องไปดูว่าใครเป็นตัวตั้งตัวตี ซึ่งตนเองเชื่อว่าสื่อมวลชนหาเจอ แต่ตนเองจะไม่ไปขัดแย้งด้วย เพราะมุ่งมั่นดูแลประชาชน ส่วนนโยบายในปีนี้ขออย่ามองว่าสืบทอดอำนาจ เพราะทำมาต่อเนื่องจากปีแรก และทำตามโรดแมป ซึ่งใน ปีนี้จะเป็นทำงานปีสุดท้ายจึงมีโครงการไทยนิยมยั่งยืน ซึ่งคำว่าไทยนิยม คือ นิยมความดี ความงาม เพื่อมุ่งมั่นทำงานเพื่ออนาคต ไม่ใช่การตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างคะแนนเสียง แต่เป็นการสอบถามประชาชนว่าต้องการอะไร ส่วนรัฐบาลหน้าไม่เคยเสนอแต่กลับตีรัฐบาลตนเองอยากเดียว ซึ่งไม่เป็นธรรม ดังนั้นจึงขอให้สื่อมวลชนช่วยดูแลประเทศชาติด้วย ยืนยันตนเองไม่โทดสื่อ ทั้งนี้ตนเองยังไม่เห็นประโยชน์จากการเลื่อนเลือกตั้ง เพราะยังยืนยันทำตามโรดแมป หากไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในทางกฎหมาย



ส่วนกรณีที่ประชาชนเริ่มทวงถาม ‘สัญญา’ ของตนเองมากขึ้น และมีการเทียบกับเพลงปี2557 ที่บอกว่า“เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” นั้น มองว่าทุกอย่างทุกจับเป็นประเด็น ซึ่งการคืนความสุขคือการคืนความสุขให้กับคนทุกกลุ่ม ซึ่งบางความสุขคืนให้ทันที แต่บางความสุขก็คืนให้ไม่ได้ทันทีเพราะมีปัญหามาก ยืนยันไม่ใช่การแก้ตัว แต่อยากขอให้ดูว่าประเทศสงบสุขหรือไม่ จึงขออย่าโจมตี เพราะทุกรัฐบาลก็เป็นเช่นนี้ จึงต้องเอานโยบายมาถกแถลงกัน ส่วนเนื้อเพลงหากจะเอาแค่ท่อนดังกล่าว ตนเองก็ขอเอาท่อน “แผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา” มาสู้บ้างเพราะความหมายอยู่ในนั้นอยู่แล้ว



นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า ขอให้เห็นใจรัฐบาลและ ข้าราชการบ้าง เพราะทำงานเหน็ดเหนื่อยมหาศาลมา 3-4 ปี แน่นอนว่าย่อมมีประชาชนทั้งที่พอใจและไม่พอใจ จึงขอให้ดูต่อไป และขออย่าพึ่งหมดกำลังใจกับตนเองและรัฐบาลคสช. เพราะกำลังทำอย่างเต็มที่ซึ่งสิ่งใดที่มีปัญหาตนเองก็พร้อมน้อมรับ และรับผิดชอบ ไม่ใช่การแก้ตัว ดังนั้นขอเวลาให้ตนเองวางรากฐานประเทศอีกระยะหนึ่งก่อน ซึ่งจะมากหรือน้อยก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย



ส่วนการทำโพลสำรวจความคิดของประชาชน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ส่วนตัวไม่เคยเกี่ยวข้องซึ่งตนเองก็เห็นทุกสัปดาห์ โดยมองฝ่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แต่ปัญหาจะต้องไปดูเจตนาของคำถามว่าบริสุทธิ์หรือไม่ และช่องทางในการรับฟังความคิดเห็นมีหลากหลายช่องทาง  ซึ่ตนเองก็ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นผ่าน 4 + 6 คำถามซึ่งขณะนี้มีผู้มาตอบคำถามกว่า 1.4 ล้านคนแล้ว ซึ่งเป็นที่สังเกตว่าคนที่มาแสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่มีระดับประถมศึกษาและอยู่ในภาคการเกษตร ซึ่งมีการเสนอแนะความเห็นเข้ามาที่มากที่สุดคือเรื่องการปฏิรูปประเทศ  ส่วนเรื่องนิด้าโพล ยืนยันว่าไม่ได้ไปสั่งใครและไม่ได้รู้จักกับผู้อำนวยการสำนักโพลหรืออธิการบดีสถาบัน บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์  หรือนิด้าเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว พร้อมสังเกตด้วยว่าโพลอาจไม่ได้ตอบรับฟังความคิดเห็นทั้งหมดเพราะสำรวจแค่ไม่กี่พันกว่าคน และอาจไม่ตรงสาขาอาชีพ หรืออีกกลุ่มจะไม่ทราบว่าจะขัดแย้งกันในทางวิชาการหรือไม่ แต่ส่วนตัวก็รับฟังการตอบคำถามทั้ง 1.4 ล้านคนของตนเองเพราะเป็นคำถามปลายเปิด แต่การถามเพียงว่าใช่หรือไม่ใช่ อาจมีคำถามเพียงไม่บวกก็ลบ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าทุกคนมีเจตนาดี และอย่าโยงไปว่ารัฐบาลไปบังคับเพราะตนเองไม่สามารถบังคับใครได้

ข่าวทั้งหมด

X