นายบิล ริชาร์ดสัน ซึ่งลาออกจากคณะที่ปรึกษารัฐบาลเมียนมาในการให้คำแนะนำกรณีปัญหาโรฮิงญา เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอส์ผ่านทางโทรศัพท์ว่า นางอองซานซูจี ผู้นำเมียนมาทางพฤตินัย กำลังตกอยู่ในสภาวะโดดเดี่ยว มีแต่ความกังวลใจ ไม่สามารถเดินทางลงพื้นที่ได้บ่อยๆ อย่างไรก็ตาม ก็ยังว่า นางซูจียังเป็นความหวังที่ดีที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงในเมียนมา รัฐบาลตะวันตกและสหประชาชาติควรต้องติดต่อสื่อสารกับเมียนมาต่อไป
การเปิดเผยของนายริชาร์ดสันมีขึ้นหลังจากนายริชาร์ดสันมีการโต้เถียงกับนางซูจีจนกระทั่งลาออกจากคณะที่ปรึกษาฯ เมื่อกลางสัปดาห์ ในระหว่างเยือนรัฐยะไข่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ครั้งแรก ขณะที่สำนักงานของนางซูจีแถลงว่า รัฐบาลเมียนมาได้ร้องขอให้นายริชาร์ดสันลาออก เพราะมีวาระซ่อนเร้น แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียด ขณะที่นายริชาร์ดสันเปิดเผยว่า ในระหว่างรับประทานอาหารค่ำกับนางซูจีเมื่อคืนวันจันทร์ ได้หยิบยกกรณีทางการเมียนมาจับกุมผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวรอยเตอส์ 2 คนเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมปีที่แล้ว ฐานละเมิดกฎหมายความลับของทางราชการเมียนมาขึ้นพูดคุย โดยระบุว่า อันดับแรกต้องการให้ทางการเมียนมาปล่อยตัวผู้สื่อข่าว และดำเนินการพิจารณาคดีอย่างยุติธรรม พร้อมกับเรียกร้องให้เมียนมาสืบสวนกรณีหลุมฝังศพขนาดใหญ่ และสนับสนุนต่างชาติในการจัดการกับชาวโรฮิงญา และแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ผู้ลี้ภัย แต่นางซูจีกลับแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า ไม่ต้องการฟังคำแนะนำแบบเปิดเผยตรงไปตรงมา นอกจากนี้ นายริชาร์ดสันยังเปิดเผยว่า ไม่ต้องการเห็นนางซูจีเพียงแต่รับฟังประเทศอาเซียน จีน หรือ รัสเซีย นางซูจีจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง ขณะที่ประเทศตะวันตกก็อาจต้องให้โอกาสนางซูจีอีกครั้ง ไม่ใช่ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรเมียนมา ส่วนกรณีเมียนมาสร้างค่ายพักพิงชั่วคราวไว้รอรับชาวโรฮิงญาเดินทางกลับจากบังกลาเทศโดยสมัครใจ นายริชาร์ดสันไม่เชื่อว่า เป็นช่วงเวลาเหมาะสม โดยเห็นว่า รัฐบาลเมียนมาควรให้หลักประกันความปลอดภัยแก่ชาวโรฮิงญาก่อนแทนที่จะเร่งขั้นตอนเพื่อหวังผลสำเร็จอย่างรวดเร็ว
....
(1230 F171)