ที่ประชุมสนช.เห็นชอบ ร่างพรป.ที่มาสว.197:0 งดออกเสียง7เสียง

หลังการประชุมยาวนานร่วม 11 ชั่วโมงในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. หรือ ร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.  ล่าสุดที่ประชุมสนช.ได้ลงมติในวาระสาม ให้ความเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาทั้งฉบับ ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 197 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 7 เสียง จากนี้สนช.จะต้องส่งร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ทั้งฉบับไปให้กับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาอีกครั้งว่ามีมาตราใดที่มีความเห็นขัดหรือแย้งหรือไม่ ซึ่งถ้ามีความเห็นแย้งก็อาจนำไปสู่การตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย แต่หากไม่มีความเห็นแย้งก็จะนำร่างส่งให้พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป

สรุปสาระสำคัญของร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.นั้น คือ ในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปีแรกนับแต่มีการเลือกตั้ง วุฒิสภาจะมีสมาชิก 250 คน มีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี มีที่มาจาก 2 ทาง ทางแรกคือการเลือกโดยคณะกรรมการสรรหาจำนวน 9-12 คนที่แต่งตั้งโดยคสช. ที่คณะกรรมการชุดนี้จะต้องส่งผู้สมัครส.ว.ให้คสช.คัดเลือกเหลือ 194 คน รวมกับ 6 คนที่ได้เป็นส.ว.โดยอัตโนมัติผ่านการเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งจะได้จำนวน 200 คน และอีก 50 คนจะได้จากการคัดเลือกของคสช.เช่นกัน แต่ 50 คนนี้จะมีที่มาจากการเลือกกันเองให้ได้จำนวน 200 คนก่อนในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ โดยใช้วิธีการเลือกกันเองผ่าน 10 กลุ่มสาขาอาชีพแทนการเลือกไขว้

สำหรับหลังช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี วุฒิสภาจะเหลือสมาชิก 200 คน มีวาระตำแหน่ง 4 ปี และมีที่มาจาก 2 ทาง คือ จากผู้สมัครแบบอิสระด้วยตัวเอง 100 คน  และผู้สมัครที่เป็นตัวแทนองค์กร 100 คน โดยทั้ง 2 ประเภทมีวิธีการเลือกเหมือนที่มาของ 200 คนที่มีการเลือกกันเองในบทเฉพาะกาล แต่การเลือกจะให้แยกการคัดเลือกระหว่างผู้สมัครอิสระกับผู้สมัครผ่านตัวแทนองค์กรออกจากกัน ซึ่งในการเลือกประเภทที่สองนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการสุ่มเสี่ยงว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 หรือไม่