การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา หรือ ร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ล่าสุดที่ประชุมสนช.มีมติไม่เลื่อนการบังคับใช้ร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. โดยให้มีผลบังคับใช้ทันทีหลังจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา นอกจากนี้ ที่ประชุมสนช.ยังลงมติในวาระที่ 2 เห็นชอบกับมาตรา12/1 ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. เพิ่มเข้ามาใหม่ โดยให้ที่มาของผู้สมัครส.ว.สามารถเป็นได้สองแนวทางคือ สามารถสมัครได้ด้วยตัวเอง หรือให้สมาคม ชมรม เป็นผู้เสนอชื่อบุคคลสมัครเป็นส.ว.ได้ ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 202 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีสมาชิกสนช.หารือกันว่าการให้สมาคม ชมรมมีสิทธิเสนอชื่อบุคคลอาจเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร 2560 หรือไม่
นอกจากนี้ที่ประชุมสนช.ยังมีมติเห็นชอบมาตรา15 ที่ให้ผู้สมัครส.ว.ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการสมัครเป็นเงินจำนวน 2,500 บาท และสมัครได้เพียงกลุ่มอาชีพเดียว อำเภอเดียว ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 202 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง และงดออกเสียง 8 เสียง ที่ประชุมสนช.ยังมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมาธิการฯมีการปรับแก้ไขในมาตรา40, 41 และ 42 ให้การเลือกผู้สมัครส.ว.เป็นการเลือกกันเองในกลุ่มอาชีพแทนการเลือกไขว้อย่างที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเสนอมาก่อนหน้านี้ทั้งในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ จากนี้ยังเหลือการลงมติในวาระสามเพื่อให้สมาชิกให้ความเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาทั้งฉบับ