เอเอฟพีรายงานว่า นายจอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีชาวฮังการีวัย 87 ปี ที่มีทรัพย์สินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากการลงทุนทั่วโลก เตือนบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในโอกาสเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่บรรดาผู้เข้าร่วมประชุมเศรษฐกิจเดอะ เวิร์ลด์ อีโคนอมิค ฟอรัมในเมืองดาวอส ในแถบเทือกเขาแอลป์ สวิตเซอร์แลนด์เมื่อค่ำวาน กล่าวถึงบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก โดยเฉพาะเฟซบุคและกูเกิลว่ามีแนวคิดการผูกขาดตลาดรายใหญ่แต่ผู้เดียว พวกเขาจึงเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆที่จะถูกรัฐบาลเผด็จการใช้เป็นเครื่องมือปราบปรามประชาธิปไตยในอนาคตอันใกล้ เพิ่มเติมว่าทั้งเฟซบุคและกูเกิลมีสัดส่วนรายได้โฆษณาทางอินเตอร์เน็ตกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด
นายโซรอสระบุว่าบริษัทเทคโนโลยีเหล่านั้นอ้างว่าพวกเขาเพียงแต่ทำหน้าที่กระจายข้อมูลสารต่างๆไปสู่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตให้มากที่สุด แต่ความจริง พวกเขาใกล้จะผูกขาดการเป็นองค์กรสื่อที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชนแต่ผู้เดียวอยู่ทุกขณะ ส่งผลให้ขณะนี้พวกเขาเริ่มเป็นองค์กรเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารรายหลักให้กับภาครัฐและเอกชนไปโดยปริยาย ดังนั้นจึงควรมีกฎระเบียบเข้มงวดมากขึ้นในการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีของโลก เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ประกอบธุรกิจและผู้สร้างนวัตกรรมรายอื่นๆจะมีโอกาสเข้ามาแข่งขันอย่างเป็นธรรมและเสรี
นอกจากนั้นนายโซรอสแสดงทัศนะในหลายๆเรื่อง เช่นวิจารณ์รัสเซียภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินว่า เป็นประเทศที่เจ้าพ่อครองเมือง และวิจารณ์ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯว่าเป็นภัยต่อโลก แต่สีสันทางการเมืองของนายทรัมป์คงจะไม่จางหายไปจากสังคมการเมืองอเมริกันง่ายๆ แต่ตัวเขามองเรื่องนี้ว่าเป็นเพียงแค่สีสันทางการเมืองชั่วคราวที่อาจจะหายไปในปี 2563 หรือเร็วกว่านั้น แต่ไม่ได้ขยายความให้ชัดเจนและเรื่องที่ได้รับความสนใจจากหลายคนในปัจจุบันคือเรื่อง บิทคอยหรือสกุลเงินใหม่ในรูปแบบของดิจิทัล นายโซรอสกล่าวถึงเรื่องนี้ว่าเป็นสกุลเงินที่ผู้นำเผด็จการจะใช้เพื่อลงทุนในต่างแดนอย่างลับๆ