+++พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว หลังกรมอุตุนิยมวิทยา แถลงเมื่อวานนี้ว่า กรุงเทพฯ อาจมีฝนตกหนัก พล.ต.อ.อัศวิน กำชับให้หน่วยงานในสังกัดและสำนักงานเขต เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฝนตกหนัก และลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้อย่างใกล้ชิด รวมถึงเฝ้าระวังปัญหาน้ำท่วมขัง ต้นไม้หักโค่น ป้ายโฆษณาล้ม และติดตามการรายงานสภาพอากาศ จากสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร และกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อประเมินสถานการณ์และเตรียมการป้องกันได้ทันท่วงที
+++การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ในวาระ 2และวาระ 3 ที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญฯพิจารณาเสร็จแล้ว โดยนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ ประธานกมธ.ชี้แจงว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ มีจำนวน 92 มาตรา กมธ.แก้ไข 19 มาตรา เพิ่มขึ้นใหม่ 2 มาตรา ตัดออก 2 มาตรา กมธ.ได้นำรายงานการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผ่านเว็บไซต์มาประกอบการพิจารณาด้วย จากนั้นเป็นการพิจารณาในวาระ 2 เรียงมาตรา โดยก่อนเข้าสู่การพิจารณา นายสมชาย แสวงการ สนช.เสนอว่าในเมื่อร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ที่ผ่านการพิจารณาของสนช.ไปแล้ว ในมาตรา2 มีการปรับแก้ ขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายออกไป 90 วันหลังประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้นร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ก็ควรจะปรับแก้ให้สอดคล้องกันหรือไม่
+++ขณะที่ นายพรเพชร แสดงความเห็นด้วย ว่า แม้ว่า กรรมาธิการฯไม่ได้ แก้ไขในมาตรา 2 ที่กำหนดระยะเวลาบังคับใช้ จึงขอให้กมธ.ไปตรวจสอบร่างพ.ร.บ.ให้สอดคล้องกัน ถ้ากฎหมายไม่ตรงกันหรือมีเรื่องที่อยู่ในกฎหมายส.ส.หรือกฎหมายส.ว.ที่เสนอมาใหม่ มีความเกี่ยวข้องเชี่อมโยงกัน ก็ขอให้กมธ.เสนอปรับแก้ให้สอดคล้องกันเช่นกัน ไม่ใช่เฉพาะประเด็นขยายเวลาบังคับใช้กฎหมาย 90 วันเท่านั้น ด้านนายสมคิด กล่าวว่า หลังจากที่มีการขยายเวลาในการบังคับใช้กฎหมายส.ส.และเมื่อมีการเสนอมา กมธ.ก็รับไปพิจารณาว่าควรแก้ไข กฎหมายส.ว.ให้สอคล้องกับกฎหมายส.ส.หรือไม่
+++นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โพสต์เฟสบุ๊คถึงการที่สนช.ผ่านกฎหมายเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครจัดมหรสพได้ โดยบอกว่ามีการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เท่าเทียมกัน และให้มีค่าใช่จ่ายไม่เกินร้อยละ 20 ของค่าใช้จ่ายผู้สมัคร จะไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบไม่ต้องเป็นห่วงว่าพรรคใหญ่ มีเงินมากกว่าจะสามารถหาวงดนตรี ศิลปินมีชื่อ มาช่วยในการหาเสียง เพราะวงเงินค่าใช้จ่ายเท่าเทียมกัน หากบังเอิญมีเพื่อนรักเป็นเจ้าของวงดนตรี รู้จักคบหากันมาตั้งแต่ชั้นประถม ปีใหม่ วันเกิด ก็เอาวงดนตรีมาเล่นให้ฟรีๆ พอช่วงหาเสียง ความเป็นเพื่อนกันก็เอามหรสพมาช่วยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ดังนั้นเวลารายงานค่าใช้จ่ายในการหาเสียงก็จะไม่ปรากฎรายการดังกล่าว ค่าวงที่เล่นครั้งนึงแค่ไม่กี่หมื่นยืมกันได้ ทีนาฬิการาคาสองสามล้านเขายังยืมกันได้เลย
+++นายสมชัย ระบุว่า เลือกตั้งคราวนี้ ชาวบ้านยิ่งชอบใจ เพราะจะมีคอนเสิร์ตดูฟรีจากวงดังๆทั้งประเทศ พวกดาราก็ล้วนอาสามาด้วยใจ ไม่คิดค่าใช้จ่ายเนื่องจากล้วนเป็นเพื่อนกับผู้สมัคร กกต.หน้าไหนจะกล้าฟ้องดำเนินคดี เพราะอาจถูกฟ้องกลับได้เพราะเขาไม่ผิด ส่วนเรื่องที่จะกำหนดราคากลางให้ไปถามค่ายต่างๆหรือศิลปินว่าปัจจุบันมีราคากลางหรือไม่ ขนาดงานบวช คนมาแหล่ให้นาคฟัง รู้จักกันก็ไม่กี่พัน ไม่รู้จักยังเป็นหมื่น พิธีกรงานแต่งงานระดับดาราแม่เหล็ก รู้จักกันก็ฟรี ไม่รู้จักก็เป็นแสนเป็นล้านได้
+++พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ สนช. ขยายเวลาบังคับใช้กฎหมาย ส.ส. ว่า แม้เลื่อนโรดแมปแต่มีเลือกตั้งแน่นอน และเลื่อนไปแค่ 3 เดือน ไม่จำเป็นต้องชี้แจงนานาชาติ ไม่กระทบภาพลักษณ์ประเทศ แม้นายกฯ จะประกาศชัดก็ตาม เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ ยืนยันไม่สร้างสถานการณ์จนทำให้ สนช. อ้างขยายเวลาออกไป เพราะเมื่อวาน(25ม.ค.) ก็อภิปรายกันทั้งวันทั้งคืน เชื่อไม่มีปัจจัยให้ต้องเลื่อนออกไปอีก ถ้าทุกอย่างยังคงสงบ
+++พล.อ.ประวิตร กล่าวถึง กรณีที่พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ถอนตัวจากการพิจารณานาฬิกาหรูของตัวเองว่า “ผมจะไปรู้เรื่องอะไรกับเขา”
+++กรณีที่นายกฯ ตั้งโครงการไทยนิยมยั่งยืน ที่ดึงทุกฝ่ายเข้ามาร่วมทำ แล้วถูกมองว่าเป็นการปูทางหาเสียงกับประชาชนเพื่อลงการเมือง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดียืนยันไม่ได้เป็นการหาเสียงของนายกฯ สื่อคิดไปเอง ว่าเป็นการสร้างกองหนุนของนายกฯ
+++โรดแมปเรื่องการเลือกตั้งที่ถูกเลื่อนออกไป ในมุมมองของภาคเอกชน นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไม่มีผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุนมากนัก เนื่องจากเลื่อนไปจากกำหนดเดิมเพียงไม่กี่เดือน ขณะนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายอย่างกำลังเดินหน้าไปด้วยดี โดยในช่วงกลางปีนี้ จะมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจกระจายลงสู่ชุมชนอีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ก็เชื่อว่า จะทำให้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนไปได้ดีอย่างต่อเนื่อง หอการค้าไทย เชื่อว่า การส่งออกในปีนี้ยังคงไปได้ดีและจะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 6 ขณะที่ จำนวนนักท่องเที่ยวก็น่าจะเพิ่มขึ้นถึง 37 ล้านคนได้ เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น การเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก็ไม่ได้เป็นปัญหา
+++ส่วนมาตรการที่ภาครัฐจะช่วยเยียวยาภาคธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรง หอการค้าไทยมั่นใจว่าจะสามารถลดผลกระทบได้ ซึ่งภาครัฐ ก็กำลังจะทยอยออกมาตรการต่างๆ ช่วยเยียวยาภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเพียงพอที่จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถทำธุรกิจต่อไปได้ และมีสภาพคล่องมากขึ้น ทั้งนี้ การขึ้นค่าแรงก็จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้คนฐานรากให้ดีขึ้น แต่ยอมรับว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ อาจทำให้สินค้ามักปรับราคาขึ้นไปล่วงหน้าก่อน แต่จากการที่กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือผู้ผลิตไม่ให้ปรับขึ้นราคาสินค้า ก็ทำให้คุมราคาไว้ได้ แต่ทั้งนี้ก็มีบางสินค้าที่อาจแบกรับต้นทุนไม่ไหว ซึ่งภาครัฐเองก็ควรพิจารณาให้ปรับราคาสะท้อนกับต้นทุน และกลไกตลาดด้วย
แฟ้มภาพ