ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30น.
+++บีบีซีรายงานอ้างโฆษกของโรงพยาบาลอัลจาลาในเมืองเบ็งกาซี ลิเบียว่ามีคนเสียชีวิต 27 ศพและบาดเจ็บ 32 คนหลังเกิดเหตุระเบิดรถยนต์ 2 ครั้งใกล้มัสยิดแห่งหนึ่งในเมืองเบ็งกาซีเมื่อคืนวานนี้ เหตุแรกเกิดขึ้นที่บริเวณด้านหน้าของมัสยิดใจกลางชุมชนอัลซไลมานี ขณะที่บรรดาผู้แสวงบุญชาวมุสลิมออกจากอาคารมัสยิดหลังสวดมนต์ อีกครึ่งชม.ต่อมาเกิดเหตุระเบิดรถยนต์คันที่ 2 ที่บริเวณมุมหนึ่งของถนน ไม่ห่างจากมัสยิดนั้น ขณะเดียวกันชาวบ้านและหน่วยกู้ภัยช่วยกันลำเลียงผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลในละแวกใกล้เคียง
+++ที่ผ่านมาเกิดปัญหาขัดแย้งกันระหว่างกลุ่มติดอาวุธท้องถิ่นกับกองทัพแห่งชาติลิเบียภายใต้การนำของนายคาลิฟา ฮัฟตาร์ นายทหารระดับสูงซึ่งสามารถปราบปรามกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ได้อย่างราบคาบนับตั้งแต่เดือนกรกฏาคมปีก่อน หลังสู้รบกับกลุ่มติดอาวุธมา 3 ปี แต่การปะทะกันและเหตุรุนแรงในเมืองเบ็งกาซีก็ยังเกิดขึ้นเป็นระยะๆมาโดยต่อเนื่อง
+++สำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯว่าเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ที่บริเวณนอกชายฝั่งของญี่ปุ่นเมื่อเวลา 17.51 น.วานนี้ ลึก 63 กม.แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้โดยคนที่ในแถบชายฝั่ง เบื้องต้นไม่มีรายงานเรื่องความเสียหายต่อทรัพย์สิน การบาดเจ็บและไม่มีการแจ้งเตือนเรื่องคลื่นสึนามิ ระบุว่านักวิทยาศาสตร์พบแรงสั่นสะเทือนรุนแรงที่นอกชายฝั่งของเกาะฮอกไกโดและจังหวัดอะโอะโมะริทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู เพียง 24 ชม.หลังมีความหวั่นวิตกทั่วทั้งภูมิภาคแฟซิฟิกว่าอาจจะเกิดคลื่นสึนามิหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.9 ที่นอกชายฝั่งของรัฐอแลสกา สหรัฐฯเมื่อเวลา 09.31 น.ตามเวลาท้องถิ่นวานนี้
+++นายกรัฐมนตรีนาเรนทรา โมดีของอินเดีย เตือนเรื่องผลเสียหายจากนโยบายการปกป้องตลาดภายในในที่ประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ) ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ เขาแถลงในที่ประชุมนักธุรกิจและผู้นำการเมืองในโอกาสเปิดประชุมประจำปีของดับเบิลยูอีเอฟเมื่อวานนี้ โดยอินเดียจะมุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจแบบยั่งยืน ทั้งประสานความร่วมมือกับประเทศอื่นๆด้วย คาดว่าอินเดีย ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับสองของโลก จะแซงหน้าอังกฤษและฝรั่งเศส ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 5 ของโลกภายในปี 2568หรือมีขนาดเศรษฐกิจ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อัตราการเจริญเติบโต(จีดีพี) ของอินเดีย เติบโตกว่า 6 เท่าจากเดิมคือ 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โลกยุคปัจจุบันนี้เผชิญกับปัญหาใหญ่ๆ 3 เรื่องคือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ปัญหาก่อการร้ายและการปกป้องตลาดภายในประเทศ พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกไม่หันไปใช้นโยบายโดดเดี่ยวตนเอง
+++ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันพุธ(24ม.ค.) หลังพบสต๊อกเชื้อเพลิงสหรัฐฯลดลง 10 สัปดาห์ติด สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ ปิดที่ 65.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 57 เซนต์ ปิดที่ 70.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
+++รายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯที่เผยแพร่ในวันพุธ(24ม.ค.) พบคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 มกราคม อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันไม่ดีดตัวมากนัก เนื่องจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ ยังเผยให้เห็นด้วยว่ากำลังผลิตของประเทศในสัปดาห์เดียวกัน เพิ่มขึ้น 128,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 9.878 บาร์เรลต่อวัน
+++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดผสมผสานในวันพุธ(24ม.ค.) โดยดาวโจนส์ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาล แต่เอสแอนด์พี500กับแนสแดคขยับลง ถูกฉุดจากความคิดเห็นของวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์อเมริกา ซึ่งแย้มว่าจะดำเนินการกับจีนในสงครามการค้าดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 41.31 จุด (0.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 26,252.12 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 1.60 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,837.54 จุด แนสแดค ลดลง 45.23 จุด (0.61 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,415.06 จุด
+++ส่วนราคาทองคำในวันพุธ(24ม.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบปีกว่า หลังความเห็นของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าอยากเห็นดอลลาร์อ่อนค่าลง ฉุดค่าเงินสหรัฐฯแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 19.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,356.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2016
+++ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างนายแบรด อดัมส์ ผอ.ประจำเอเชียขององค์กรสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรท์ว็อทช์(เอชอาร์ดับเบิลยู)ของสหรัฐฯว่า การปฏิรูปเพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานทาสยุคใหม่ในเรือประมงไทยยังไม่อาจจะขจัดปัญหาการเอารัดเอาเปรียบแรงงานในภาคอุตสาหรรมประมงให้หมดไป โดยเอชอาร์ดับเบิลยูซึ่งจัดทำรายงานชื่อว่าโซ่ตรวนที่ถูกซ่อนไว้:ปัญหาการบังคับใช้แรงงานและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอุตสาหกรรมประมงของประเทศไทย ถูกนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภาแห่งยุโรปเมื่อวานนี้ ระบุว่าแม้ว่ารัฐบาลไทยจะประกาศที่จะแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนบนเรือประมงไทย แต่ปัญหานี้ยังคงเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย รายงานนี้จัดทำโดยสัมภาษณ์แรงงานประมงในปัจจุบันและในอดีตราว 250 คน รวมถึงแรงงานจากเพื่อนบ้านคือเมียนมาและกัมพูชา ทั้งสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลไทย เจ้าของเรือประมง กัปตันเรือและคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมประมง
+++รายงานนี้ตั้งข้อสังเกตว่าแม้ว่ากลุ่มอียูและสหรัฐฯจะใช้มาตรการต่างๆเพื่อลงโทษรัฐบาลไทยสำหรับการกดขี่แรงงานในอุตสาหกรรมประมง แต่นายอดัมส์เรียกร้องให้รัฐบาลของชาติตะวันตกให้กดดันรัฐบาลไทยให้มากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าการปฏิรูปอุตสาหกรรมประมงไม่ใช่กระทำในลักษณะให้ดีดีแต่รูปลักษณ์ภายนอก ระบุว่าทุกฝ่ายไม่ควรจะถูกหลอกด้วยกฎระเบียบที่ดูดี แต่ไม่มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง เขาเรียกร้องให้กลุ่มอียูและสหรัฐฯเร่งกดดันรัฐบาลไทยให้ปกป้องสิทธิ์,สุขภาพและความปลอดภัยของแรงงานบนเรือประมงไทย
+++ด้านกระทรวงต่างประเทศของไทยกล่าวถึงข้อครหานั้นว่าฟังดูใหญ่โต แต่หลายเรื่องไม่มีมูลความจริง ตั้งข้อสังเกตว่ารายงานนี้ไม่ได้พูดถึงข้อเท็จจริงจากการแก้ปัญหาของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการในพื้นที่และจงใจจะไม่พูดถึงความคืบหน้าในการแก้ปัญหา พัฒนาในเชิงบวกและความพยายามในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลไทย
+++บิล ริชาร์ดสัน ผู้แทนทูตสหรัฐฯในตอนเช้าวันพฤหัสบดี(25ม.ค.) ลาออกจากคณะที่ปรึกษานานาชาติที่อองซานซูจีตั้งขึ้น เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับปัญหาโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ประเทศพม่า และตำหนิเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพรายนี้ว่าขาดจริยธรรมของผู้นำในวิกฤตการณ์ดังกล่าวพร้อมกันนั้นเขายังกล่าวหานางซูจี ว่าตอบโต้อย่างกราดเกรี้ยว ต่อเสียงเรียกร้องของเขาที่ขอให้ปล่อยผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ 2 คนซึ่งถูกจับกุมขณะกำลังรายงานข่าววิกฤตในรัฐยะไข่ การลาออกของ ริชาร์ดสัน มีขึ้นหลังจาก พม่าและบังกลาเทศ พลาดเส้นตายเมื่อวันที่ 23 มกราคม ในการเริ่มต้นกระบวนการอันซับซ้อนและโต้เถียงกันไปมา ในการส่งผู้อพยพชาวมุสลิมโรฮิงญาหลายแสนคนกลับสู่พม่า อดีตผู้ว่าการรัฐของสหรัฐฯยอมรับว่ากองทัพพม่ายังคงมีอำนาจมหาศาล แต่ระบุว่าการที่ อองซานซูจี ขาดจริยธรรมของผู้นำ คือประเด็นสำคัญในความกังวลใหญ่หลวงของเขา