หลังอัยการคดีพิเศษ 4 ได้ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมพวกอีก 8 คน ที่เป็นแกนนำและแนวร่วมคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ในข้อหาร่วมกันกบฏและก่อการร้าย รวมทั้งความผิดอื่นรวม 9 ข้อหา
ศาลอาญา รัชดา ได้สอบคำให้การจำเลยทั้ง 9 คน โดยอ่านและอธิบายฟ้องให้ฟังจนเข้าใจแล้ว ปรากฎว่า จำเลยแถลงให้การปฏิเสธและต่อสู้คดี พร้อมยื่นหลักทรัพย์คนละ 8 แสนบาท รวม 7 ล้าน 2 แสนบาท โดยศาลพิจารณาคำร้องแล้ว อนุญาตให้จำเลยทั้ง 9 คน ประกันตัว โดยตีราคาประกันคนละ 6 แสนบาท และกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยทั้งหมดออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้มีจำเลยจำนวนมากเพื่อให้กระบวนพิจารณาเป็นไปโดยปราศจากอุปสรรค จึงเห็นสมควรกำหนดเงื่อนไขกับจำเลยซึ่งได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณา คือ ให้จำเลยดำเนินการแต่งตั้งทนายความเป็นที่เรียบร้อยก่อน หรือในวันนัดพร้อมเพื่อประชุมคดี ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ – จำเลย ให้ถือวันนัดของศาลเป็นหลักสำคัญ หากทนายความจำเลยติดภารกิจหรือเจ็บป่วย ก็ให้จำเลยแต่งตั้งทนายความคนใหม่ ศาลจะไม่ให้อนุญาตให้เลื่อนคดีเพราะเหตุขัดข้องเรื่องทนายความ และศาลจะถือว่าเป็นพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางประวิงคดีอันเป็นอุปสรรคแก่การดำเนินคดีในศาลที่ศาลจะมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับการสั่งปล่อยชั่วคราว ทั้งนี้ ศาลอาญา นัดตรวจพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายในวันที่ 19 มีนาคมนี้ เวลา 09.00 น.
นายสุเทพ เปิดเผยว่า ข้อหาที่อัยการสั่งฟ้อง ถือเป็นข้อหาที่ร้ายแรง โดยเฉพาะข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร ก่อการร้าย ซึ่งในส่วนนี้ คาดการณ์ไว้แล้ว โดยตัวเองพร้อมพวกรวม 9 คน ตกลงกันตั้งแต่ต้นว่า จะยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เคารพกฎหมาย และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งการต่อสู้คดี ได้ดำเนินไปตามกระบวนการ มีการนำพยานหลักฐาน ทั้งวีดีโอ ภาพนิ่ง พยานบุคคล ซึ่งก่อนที่จะออกไปต่อสู้ร่วมกับประชาชน มีการตัดสินใจดีแล้ว มีการเตรียมพร้อมรับผลกระทบไม่ว่าจะเป็นการบาดเจ็บ เสียชีวิต การดำเนินคดีอาญา จึงไม่แปลกใจที่จะต้องถูกดำเนินคดีในครั้งนี้
นายสุเทพ ยืนยันว่า จะเร่งดำเนินการในการสืบพยานอย่างรวดเร็ว เพราะคดีนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน ส่วนตัวต้องการให้อัยการแยกสำนวนคดีของจำเลย 9 คน มาดำเนินคดีก่อน เพราะเป็นผู้ริเริ่มชวนประชาชนมาต่อสู้ ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นเป็นเพียงผู้มาร่วมชุมนุม ไม่ได้มีบทบาทสำคัญ
ผู้สื่อข่าว: ปภาดา พูลสุข เกตุกนก ครองคุ้ม