นายกฯหารือความร่วมมือ อาเซียน-อินเดีย/ดัชนีอุตสาหกรมสูงสุดในรอบ36เดือน/สอบเพิ่ม ผอ.ชู้สาวเด็กม.2

24 มกราคม 2561, 12:18น.


ข่าวเที่ยงครึ่งวัน 12.30 น.



+++พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 24-26 มกราคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินเดีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ 25 ปี และการเข้าร่วมงานวันสถาปนาสาธารณรัฐอินเดีย ครั้งที่ 69 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย 



+++วาระสำคัญของการประชุมอาเซียน-อินเดีย จะเป็นการหารือความร่วมมือระหว่างอาเซียน-อินเดียในมิติใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งครั้งนี้จะให้ความสำคัญกับความร่วมมือทางทะเลและความมั่นคง โดยอินเดียจะเสนอแนวคิด "อินโด-แปซิฟิก" เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่างภูมิภาคของกลุ่มประเทศเอเชียใต้และกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก ให้รวมตัวกันเพิ่มศักยภาพด้านการค้า การลงทุนให้ครอบคลุมพื้นที่และจำนวนประชากร สำหรับไทยมองว่าอินเดียมีความสำคัญในลำดับต้น ๆ โดยเฉพาะนโยบายรุกตะวันออก (Act East Policy) ที่ให้ความสำคัญกับอาเซียน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของไทยที่มีนโยบายมุ่งตะวันตก (Look West Policy)



+++นอกจากอินเดียจะมีศักยภาพด้านการค้า การลงทุน ยังเป็นตลาดท่องเที่ยว วัฒนธรรม และศาสนาที่สำคัญ ขณะที่ไทยมีภูมิศาสตร์ที่เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างอินเดียและอาเซียนทั้งทางบกและทางทะเล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันที่ 26 มกราคม นายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมวันสถาปนาสาธารณรัฐอินเดีย ครั้งที่ 69 ในฐานะแขกเกียรติยศ เนื่องจากอินเดียต้องการจัดในช่วงเวลาเดียวกับการประชุมอาเซียน-อินเดีย เพื่อให้ผู้นำประเทศอาเซียนได้เข้าร่วมงาน ถือเป็นโอกาสพิเศษในการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ 



+++นายเจน  นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย  ประจำธ.ค. 60  อยู่ที่ระดับ 89.1 เพิ่มขึ้นจากระดับ 87.0 ในเดือนพ.ย. ถือเป็นค่าดัชนีสูงสุดในรอบ 35 เดือน เนื่องจากผู้ประกอบการเห็นว่า คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขาย ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการมีอุปสงค์ของสินค้าอุตสาหกรรมยังส่งสัญญาณที่ดี สะท้อนจากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์   ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นจากงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2017 รวมทั้งสินค้าที่เกี่ยวข้องกับของขวัญของฝาก ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ขณะเดียวกันการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป ผู้ประกอบการเห็นว่าจะส่ง ผลดีต่อการค้าและการลงทุนระหว่างกันอย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับภูมิภาค ฉุดความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการส่งออก โดยเฉพาะผู้ประกอบการสินค้าเกษตรแปรรูป และสินค้าที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ อีกทั้งความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งกระทบต่อต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์  3  เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 102.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 102.0 ในเดือนพ.ย. เนื่องจากผู้ประกอบการเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในปี 61 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ รวมถึงการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ขณะเดียวกันการส่งออกของไทยยังได้รับผลดีจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการในประเทศยังมีความกังวลต่อต้นทุนการผลิตที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น  



+++กระทรวงพาณิชย์ได้เชิญผู้ผลิตสินค้าทุกกลุ่มอุตสาหกรรม และ ห้างค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่รายใหญ่มาประชุมหารือถึงผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างร้อมรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการเกี่ยวกับการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมกระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือผู้ผลิต ผู้จำหน่าย สินค้าอุปโภคบริโภคจำหน่ายสินค้า ในราคาเดิมและไม่มีการฉวยโอกาสปรับราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ทั้งนี้ หากมีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นจำเป็นต้องปรับราคาสินค้า ให้แจ้งกรมการค้าภายในซึ่งจะพิจารณาเป็นรายกรณีไป ทางด้านห้างค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่ ได้ขอความร่วมมือไม่ให้ปรับราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน และหากมีผู้ผลิตผู้จำหน่ายรายใดปรับราคาสินค้าขอให้แจ้งกรมการค้าภายในทราบก่อน รวมทั้ง ไม่ปรับราคาอาหารปรุงสำเร็จในศูนย์อาหาร จากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้น วันละ 5-22 บาททั่วประเทศ เฉลี่ยปรับเพิ่มวันละ 10.50 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 61 กรมการค้าภายในศึกษาผลกระทบ พบว่า การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำดังกล่าว มีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าน้อยเพียงร้อยละ 0.0182 – 1.0225   เนื่องจากสินค้าอุปโภคบริโภคส่วนใหญ่ใช้เครื่องจักรในการผลิต



+++ความคืบหน้ากรณีนายณฐาภพ บุญทองโท อายุ 51 ปี ผู้อำนวยการ (ผอ.) โรงเรียนบ้านป่าตองท่าเนินสามัคคี อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ถูกตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีถูกร้องเรียนมีพฤติกรรมชู้สาวกับเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 ของโรงเรียน นายศุภพงษา จันทรังษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 ประธานกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ได้สอบปากคำคณะกรรมการสถานศึกษา 4 คน และเพื่อนนักเรียนอีก 3 คน เบื้องต้นพบว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลความจริงที่เข้าข่ายว่า ผอ.คนนี้มีพฤติกรรมเชิงชู้สาวกับลูกศิษย์เด็กนักเรียนหญิง ม.2 ซึ่งในวันนี้คณะกรรมการฯจะลงพื้นที่สอบปากคำพยานเพิ่มเติมเป็นคุณครูประจำชั้น คุณครูในโรงเรียน และเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ อีก เพื่อหาข้อมูลอย่างละเอียด ด้านนางเอ (นามสมมติ) อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นแม่แท้ๆ ของเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 ที่เป็นข่าวว่าคบหากับ ผอ.โรงเรียนฯ โดยนางเอ เปิดเผยว่า รู้สึกงุนงง และตกใจที่ลูกสาวตกเป็นข่าวฉาวกับ ผอ.โรงเรียน ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นการกล่าวหาจากกลุ่มคนผู้ไม่หวังดี แต่ตนก็ไม่รู้รายละเอียดใดๆ ทั้งสิ้น และไม่รู้ว่าลูกสาวจะแอบคบหากับ ผอ.โรงเรียนจริงหรือไม่ คงต้องรอฟังจากปากของลูก ทั้งนี้ หากทั้ง 2 คนจะคบหากันจริงก็แล้วแต่ลูกสาว ขณะที่ผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีข่าวรายนี้เคยมีภรรยาเป็นข้าราชการครู และมีลูกด้วยกัน 2 คน แต่ได้เลิกราหย่าร้างกับภรรยาเก่ามานาน 10 ปีแล้ว ซึ่งหลังจากหย่าร้างภรรยาเก่าก็มีข่าวคบหากับเด็กนักเรียนหญิงมาแล้วอย่างน้อย 2 คน ก่อนที่จะมามีข่าวคบหากับเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 รายล่าสุดนี้



+++โลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง หลังเพจเฟซบุ๊ก "เฮียขับรถ" เผยแพร่คลิปวีดีโอเหตุการณ์ระทึกขวัญย่านถนนประชาชื่น ใกล้กับร.พ.เกษมราษฎร์ประชาชื่น ความยาว 2 นาที ปรากฏเป็นภาพรถยนต์กระบะโตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ สีดำ ไม่ทราบทะเบียนแน่ชัด วิ่งสวนเลนออกไปทางขวา ก่อนจะรีบหักกลับเข้าเลนเดิมโดยไม่สนใจว่าจะมีรถคันอื่น ๆ ขับอยู่ข้างหรือไม่ ส่งผลให้ตัวรถยนต์กระบะเบียดจักรยานยนต์(จยย.)จนล้มคว่ำ เดชะบุญไม่ถูกรถที่ตามหลังมาทับซ้ำ ซึ่งฝ่ายรถยนต์กระบะได้ขับเผ่นหนีไปโดยไม่สนใจใยดี แถมยังขับฝ่าสัญญาณไฟแดงที่อยู่ด้านหน้าไปอีกด้วย รายงานว่าในโลกโซเชียลได้มีการแจ้งเบาะแสข้อมูลเพิ่มเติม โดยอ้างว่า รถยนต์กระบะคันดังกล่าวมีป้ายทะเบียน กฉ 7222 ปทุมธานี อยากเรียกร้องให้ทางฝ่ายงานเกี่ยวข้องเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยังสน.ประชาชื่นเจ้าของพื้นที่แล้ว 

ข่าวทั้งหมด

X