ครม.เห็นชอบ ปฎิิรูปประเทศ11เรื่องเตรียมแถลง 25 ม.ค.นี้

หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ยังได้รายงานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ขณะนี้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศทั้ง 11 คณะ และคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจได้ทำแผนขั้นต้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการปฏิรูปด้านต่างๆ ได้ย่อเอกสารเสร็จเรียบร้อย แต่ต้องมีการเพิ่มส่วนบทนำและบทท้ายในแผนให้คนอ่านเกิดความเชื่อมั่น แชะขั้นตอนต่อไปคือการจัดประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ในช่วงกลางเดือน ก.พ.2561 เพื่อให้เนื้อหาการปฏิรูปสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ หลังจากนั้นสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมด สอบถามไปยังหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบ พร้อมดำเนินการปรับปรุงแก้ไข  ก่อนที่ในช่วงกลางเดือน มี.ค.2561 จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อ พิจารณาเห็นชอบ และกลายเป็นแผนแม่บทประกาศใช้  โดยหน่วยงานของรัฐบาล จะต้องนำไปปฏิบัติตาม ภายใต้การติดตามของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ

ขณะที่ในวันพฤหัสฯ ที่ 25 ม.ค.2561 เวลา 13.30-14.30 จะมีการแถลงข่าว โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายจะเป็นผู้จัดแถลงข่าวในประเด็นที่รับผิดชอบดูแล เช่น กฎหมายการอำนวยความสะดวกทางการค้า กฎหมายการทุจริตรวมถึงประเด็นทางการเมือง พร้อมตอบคำถามจากสื่อมวลชนซึ่งจะจัดขึ้นที่อาคารภักดีบดินทร์ โดยใช้ชื่อว่าสื่ออยากรู้รัฐอยากเล่าตอนกฎหมาย หลายรสเพื่ออนาคตประเทศไทย

ที่ประชุมได้เห็นชอบ  การพิจารณาแก้ไขพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ 2545 ให้มีความเหมาะสม โดยอนุญาติให้องค์กรต่างประเทศ ต่างชาติ ต่างด้าว เข้ามาดำเนินการ อนุญาโตตุลาการ ได้ในประเทศไทยโดยไม่ต้องขออนุญาติ ซึ่งคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเพื่อลดกระบวนการวุ่นวายที่ซับซ้อน และสร้างความน่าเชื่อถือจากกระบวนการอนุญาโตตุลาการของทุกประเทศทั่วโลก ให้มีความเป็นสากล

ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างกฤษฎีกาการจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย หรือ อจน. ซึ่งเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจ สังกัดอยู่ภายในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาอยู่ในภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ระบบน้ำทั้งระบบอยู่ภายใต้การทำงานในหน่วยงานเดียวกันบูรณาการทุกภาคส่วน ให้สอดคล้องและเป็นตามวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลต้องการสร้างความยั่งยืนให้กับประชาชน

รวมทั้งยังเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบการจอดรถในเขตปกครองส่วนท้องถิ่นให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ พ.ศ.2542 โดยหลักการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ในการจัดระเบียบและเก็บค่าที่จอดรถยนต์ได้บริเวณในพื้นที่ที่เป็นทางหลวงที่เป็นพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และไม่เป็นพื้นที่ห้ามจอดตามระเบียบจราจร ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเก็บได้สามารถนำไปจัดสรรพัฒนาพื้นที่ของตนเอง