*สำนักพระพุทธศาสนา เสนอเพิ่มโทษพระภิกษุสงฆ์ที่ทำผิดให้เท่ากับฆราวาส*

ภายหลังการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาทางพระพุทธศาสนา ที่มีพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธาน  นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติแก้ไขปัญหาทางพระพุทธศาสนา โดยเสนอแนวทาง 3 ประเด็นหลัก คือ การจัดตั้งคณะกรรมการป้องกันพุทธศาสนา การผลักดันร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพุทธศาสนา และการจัดตั้งศูนย์สายด่วนเพื่อรับข้อร้องเรียนจากประชาชน   ส่วนร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพุทธศาสนา ได้จัดทำเสร็จแล้ว อยู่ในขั้นตอนยื่นให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบ ก่อนนำส่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เพื่อรอมีผลบังคับใช้ต่อไป โดยร่างพรบ. นี้จะมีบทลงโทษทางอาญาต่อการกระทำผิดของพระสงฆ์หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนามากขึ้น โดยการลงโทษจะเหมือนประชาชนทั่วไป เช่น การลักทรัพย์ การเสพอบายมุขต่างๆ เช่น การพนันหรือยาเสพติด เป็นต้น ซึ่งบทลงโทษจะขึ้นอยู่กับความผิดที่กระทำ โดยยืนยันว่าร่างพรบ.นี้จะไม่กระทบกับการปกครองของคณะสงฆ์ 

ขณะที่การจัดตั้งคณะกรรมการป้องกันพุทธศาสนา นายนพรัตน์ เปิดเผยว่า จะให้ภาครัฐและเอกชนร่วมกันแก้ปัญหา อาจจะมีการตั้งคณะอนุกรรมกาาร เพื่อพิจารณารายละเอียดเชิงลึก และจะทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ  หลังจากนี้อาจมีการให้ตรวจสอบประวัติของผู้ที่จะเข้าบวชเป็นพระ ทั้งในประวัติอาชญากรรมหรือการป่วยเป็นโรค โดยจะจำแนกหน้าที่ตามหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบและร่วมกันหาทางแก้ไข  รวมทั้งคณะกรรมการนี้จะมีหน้าที่หามาตรการป้องกันการเสื่อมเสียของพุทธศาสนา และประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีของพุทธศาสนาด้วย ส่วนการจัดตั้งศูนย์สายด่วนเพื่อรับเรื่องร้องเรียน นาย นพรัตน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับเรื่องร้องเรียนด้านการบิณฑบาตรที่ไม่สำรวม และการเรี่ยไรของพระสงฆ์มากที่สุด และหากประชาชนมีเรื่องร้องเรียนสามารถโทร 02-4416400 กด 2

 ส่วนคดีเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ขณะนี้อยู่ในการสอบสวนของพระผู้ใหญ่ และดำเนินไปตามข้อเท็จจริง และน่าจะมีข้อสรุปได้ในระยะเวาอันใกล้นี้ โดย นาย นพรัตน์ ยืนยันว่า พระสงฆ์และวัดย่อมไม่มีสิทธิดำเนินธุรกิจใดๆเช่นฆราวาส เพราะไม่ได้ประกอบอาชีพแสวงหากำไร เว้นแต่ได้รับสินทรัพย์โดยศรัทธาจากประชาชน และนำไปบำรุงวัดเท่านั้น

ธีรวัฒน์