วิกฤติชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ยุติลงเมื่อวุฒิสภาสหรัฐลงมติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่ทำให้หน่วยงานรัฐบาลกลางมีงบประมาณใช้ได้อีก 3 สัปดาห์ จากนั้นสภาผู้แทนราษฎรก็ลงมติด้วยเสียงข้างมาก และจะมีการนำเสนอกฎหมายต่อประธานาธิบดีเพื่อให้มีการลงนามในทันที เพื่อให้หน่วยงานรัฐเปิดทำการในวันอังคาร
โดยเมื่อวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนวุฒิสภามีมติไม่ผ่านกฎหมายงบประมาณฉุกเฉิน เพราะความขัดแย้งเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้อพยพ ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐหลายแสนคนต้องหยุดงานในวันจันทร์โดยไม่ได้รับค่าจ้าง เพราะที่ประชุมฉุกเฉินในคืนวันอาทิตย์ก็ไม่สามารถลงมติได้ ต้องเลื่อนมาเป็นช่วงบ่ายวันจันทร์ จากนั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้หารือกับ นายมิตช์ แม็กคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากวุฒิสภา และนายจอห์น คอร์นิน ผู้นำวิปเสียงข้างมากในสภาเพื่อพยายามผลักดันแผนงบประมาณ ให้หน่วยงานภาครัฐกลับมาเปิดทำงานและให้บริการประชาชนอีกครั้ง
ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐให้ความเห็นชอบในการลงมติรอบแรกด้านกระบวนการปฏิบัติ (procedural vote) ด้วยคะแนนเสียง 81-18 เสียง ซึ่งการที่วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตจำนวนมากที่ได้ออกเสียงคัดค้านเมื่อวันศุกร์ กลับมาให้ความเห็นชอบในวันนี้ เมื่อนายแม็กคอนเนลล์ ยอมให้มีการอภิปรายร่างกฎหมายเกี่ยวกับผู้อพยพก่อนวันที่ 8 กุมภาพันธ์ จากนั้นก็ส่งร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวไปยังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเพื่อให้ลงมติในทันทีและผ่านการรับรองด้วยเสียงข้างมาก 266-159 เสียงจากนั้นจะส่งไปยังประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อลงนามให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,214.60 จุด เพิ่มขึ้น 142.88 จุด หรือร้อยละ0.55
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,832.97 จุด เพิ่มขึ้น 22.67 จุด หรือร้อยละ 0.81
และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,408.03 จุด เพิ่มขึ้น 71.65 จุด หรือร้อยละ 0.98
สัญญาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ หรือร้อยละ 0.2 ปิดที่ 63.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 42 เซนต์ หรือร้อยละ 0.6 ปิดที่ 69.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับราคาเพิ่มขึ้น หลังจากนายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียสนับสนุนให้สมาชิกกลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างรัสเซีย ร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตต่อไปหลังจากสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นกำหนดเวลาสิ้นสุดการปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงของโอเปก
อ็อกแฟม เปิดเผยรายงานก่อนการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิกส์ ฟอรัม ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์โดยระบุว่า มหาเศรษฐีที่มีจำนวนร้อยละ 1 ของประชากรโลกครอบครองทรัพย์สินคิดเป็นมูลค่าถึงร้อยละ 82 ของโลก โดยมหาเศรษฐีเหล่านี้มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นอีกมาก ขณะที่กลุ่มคนจนไม่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเลย และมหาเศรษฐีระดับพันล้านขึ้นไปที่มีจำนวน 42 คน มีทรัพย์สินรวมกันเท่ากับกลุ่มคนยากจนที่สุด 3,700 ล้านคน หรือราวครึ่งหนึ่งของประชากรโลก
ในส่วนของการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิกส์ ฟอรัม ระหว่างวันที่ 23-26 มกราคมนี้ ยังมีการเปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นที่พบว่า ความไว้วางใจสถาบันต่าง ๆ ของสหรัฐ โดยเฉพาะรัฐบาล ลดลงอย่างมากในการทำงานปีแรกของประธานาธิบดีทรัมป์ สาเหตุส่วนหนึ่งก็คือการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ มักจะตำหนิสื่อมวลชน ระบบยุติธรรม และผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์
ความคืบหน้าเหตุกลุ่มตอลีบัน อัฟกานิสถานโจมตีโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลในกรุงคาบูล เมื่อค่ำวันเสาร์ กระทรวงกิจการภายใน เปิดเผยว่า มีประชาชนเสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 18 ราย ในจำนวนนี้เป็นชาวอัฟกานิสถาน 4 ราย ส่วนชาวต่างชาติอีก 14 ราย มาจากยูเครน 9 ราย จากเยอรมนี กรีซ และคาซัคสถาน ประเทศละ 1 ราย และอีก 2 รายยังไม่ระบุสัญชาติ และมีคนร้ายเสียชีวิต 4 ราย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.45 น. และยืดเยื้อไปจนถึงเวลาประมาณ 04.00 น. ทหารอัฟกันและนาโต้จึงบุกจู่โจมเข้ากวาดล้างกลุ่มมือปืน และช่วยผู้ที่อยู่ในโรงแรมออกมาได้ทั้งหมด 153 คน จำนวนนี้เป็นต่างชาติ 41 คน ซึ่งสื่อต่างชาติหลายสำนักต่างเชื่อว่าจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงน่าจะมากกว่า 18 คนเพราะเจ้าหน้าที่ความมั่นคงบุกจู่โจมช้าเกินไป และพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเล่าตรงกันว่าคนร้ายเดินไปทั่วโรงแรมและลงมือสังหารผู้ที่อยู่ในโรงแรมทีละห้อง
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์ รายงานว่า มีชาวซีเรียมากกว่า 13 รายที่เสียชีวิตในระหว่างพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ เพื่อไปยังเลบานอนประเทศเพื่อนบ้าน ท่ามกลางพายุหิมะ โดยในกลุ่มผู้เสียชีวิตมีเด็กรวมอยู่ด้วย และเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากที่เมื่อวันศุกร์กองทัพและสำนักงานป้องกันภัยพลเรือนของเลบานอนรายงานว่า พบศพชาวซีเรีย 10 ราย
คณะลูกขุนศาลประชาชนกรุงฮานอย เวียดนาม เห็นชอบให้พิพากษาจำคุกตลอดชีวิตนายจินญ์ ซวน ทัน อายุ 51 ปี อดีตผู้บริหารเปโตรเวียดนาม (พีวีซี) รัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน ฐานยักยอกทรัพย์ และอีก 14 ปีในข้อหาบริหารจัดการผิดพลาด จากกรณีนำงบประมาณไปลงทุนจนรัฐขาดทุนกว่า 4,800 ล้านบาท สำหรับความผิดฐานยักยอกเงินจากหน่วยงานรัฐถือเป็นความผิดอาญาร้ายแรง มีบทลงโทษสูงสุดคือประหารชีวิต แต่อัยการยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาพิจารณาบทลงโทษจำคุกตลอดชีวิต
โดยเมื่อปีที่แล้ว กระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี แจ้งว่า ทางการเวียดนามลักพาตัวนายจินญ์เมื่อเดือนกรกฎาคมปีก่อน หลังจากที่นายจินญ์ยื่นเรื่องขอลี้ภัยในเยอรมนี แต่เวียดนามยืนยันว่านายจินญ์เป็นฝ่ายขอมอบตัวเอง กรณีของนายจินญ์กลายเป็นกรณีพิพาททางการทูตระหว่างเวียดนามกับเยอรมนี เมื่อกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี เนรเทศเจ้าหน้าที่การทูตระดับสูงของเวียดนามคนหนึ่ง
….