การเสวนาเรื่องพลังงาน ที่สโมสรทหารบก หลังจากถกปัญหากรณี ปตท.คืนทรัพย์สินให้กับปชช.ครบหรือไม่ ผู้ร่วมเสวนาทั้งกลุ่มปฏิรูปพลังงานและกลุ่มปริษัทปตท. จำกัดมหาชน ต่างยืนยันในข้อมูลของตนเอง ทำให้หลวงปู่พุทธอิสระได้สรุปให้ทั้ง2ฝ่ายจัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาไว้ที่ส่วนกลาง เพื่อเตรียมยื่นส่งศาลปกครองสูงสุดเพื่อให้พิจารณาต่อไป
ขณะที่ ประเด็นการเสวนา ขณะนี้ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้เปิดประเด็นเรื่องธุรกิจปิโตรเลียมในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยได้ถามราคาการขายปิโตรเคมีให้กับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งภาครัฐได้ชี้แจงรายละเอียดสรุปความได้ว่า ราคาของปิโตรเคมี แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ราคาที่ซื้อหน้าโรงแยกก๊าซ 19 บาทต่อกิโลกรัม กับ ราคาที่ซื้อหน้าโรงกลั้น 30 บาทต่อกิโลกรัม จึงทำให้มีประเด็นในการถามต่อว่า บริษัทใดซื้อในราคา19 บาท และบริษัทใดซื้อในราคา30บาท
ด้านม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการด้านพลังงาน ได้ขอให้ปตท.เปิดรายชื่อบริษัทที่ซื้อปิโตรเคมีทั้ง2ส่วนว่ามีบริษัทใดบ้าง ซึ่งนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)ได้ชี้แจงว่าการเปิดชื่อบริษัทจะทำให้เกิดความสับสนและความเข้าใจผิดกับประชาชน จึงจะส่งเอกสารบริษัทต่างๆแทน ทำให้ม.ล.กรกสิวัฒน์ เปิดรายชื่อ บริษัทบ้างบริษัทที่ซื้อปิโตรเคมีในราคา19 บาท เช่น บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีการตั้งขอสังเกตต่อว่า บริษัทที่ซื้อปิโตรเคมีในราคา 19 บาท จะเป็นบริษัทที่ปตท.เข้าไปถือหุ้นอยู่ ด้านนายปิยสวัสดิ์ ชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้องกันแต่จะดูที่สัญญาต่างๆ และปตท.ไม่ได้มีเจตนาในการเปิดบริษัทลูกเพื่อซื้อสินค้าในราคาถูกกว่าตลาด แต่การเปิดบริษัทด้านปิโตรเคมี ถือเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
สำหรับ การเสวนา ใช้เวลา นาน 3 ชั่วโมงแล้ว แต่ถือว่าเข้มข้นมาก แม้จะเรื่องพลังงานจะเป็นที่ซับซ้อนแต่มีประชาชนให้ความสนใจจำนวนมาก รวมถึงมีทหาร ตำรวจหญิง ดูแลความปลอดภัย และความเรียบร้อย มีบางช่วยบางตอนที่ผู้รับฟังเสวนามีอารมณ์ในการรับฟังเสวนา เช่นส่งเสียงโห่ร้องเมื่อไม่พอใจในคำตอบ หลวงปู่พุทธอิสระจึงต้องมีการขอให้ที่ประชุมระงับอารมณ์เพราะกว่าจะจัดเสวนาในลักษณะนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ