ตร.ท่องเที่ยวจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติเป็นตัวการใหญ่แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์

21 มกราคม 2561, 12:25น.


การขยายผลจับกุมเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ประเภทคนกดเงินในพื้นที่ สน.ลาดพร้าว กรุงเทพมหานครและพื้นที่สภ.บางปู จังหวัดสมุทรปราการ พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า คืนวันที่ 20 มกราคม ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายหลัวลุ่ยเจี๋ย หรือสือโถว สัญชาติไต้หวัน อายุ 23 ปี ตัวการใหญ่เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ขณะกำลังเดินทางออกนอกประเทศผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมของกลางเป็นสมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม โดยเป็นการขยายผลมาจากการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ที่ทำหน้าที่กดเงินเมื่อวันที่ 17 มกราคม โดยนายสือโถว เป็นหัวหน้าขบวนการสำคัญที่ดูแลคอลเซ็นเตอร์ไต้หวัน เป็นผู้ฝึกฝนคน และนำส่งคนเข้ามากดเงินในประเทศไทย




และในวันเดียวกันตำรวจยังจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติไต้หวัน ได้เพิ่มเติมที่ร้านกาแฟย่านแพรกษาใหม่ จังหวัดสมุทรปราการ คือ นายแหยน เชิง เลียน อายุ 21 ปี นายเหลียง เกิ่น ปิน อายุ 25 ปี พร้อมของกลาง เป็นบัตร ATM 1 ใบ สมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม เงินสด 30,000 บาท ใบบันทึกรายการถอนเงิน และจากการสอบปากคำ 2 ผู้ต้องหาให้การซัดทอดถึงนายสือโถวด้วยเช่นกัน 


ตำรวจแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้งหมด ในข้อหา “ร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้ และร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”


ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 มกราคม ตำรวจร่วมกันจับกุม 3 ผู้ต้องหาสัญชาติไต้หวัน ที่ทำหน้าที่กดเงินในเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ได้ที่วิวเพลสแมนชั่น เขตบางกะปิ คือ นายซือ เซิน หง อายุ 20 ปี นายเชิน ฮ่าว เจ๋ อายุ 24 ปี และนายหวัง เหวิน ชง อายุ 23 ปี พร้อมของกลางเป็นสมุดบัญชีธนาคารจำนวน 5 เล่ม บัตร ATM จำนวน 4 ใบ เงินสด 90,600 บาท รวมถึงใบเสร็จกดเงินตามตู้ต่างๆ ฯลฯ จากการสอบปากคำ 3 ผู้ต้องหาให้การซัดทอดนายหลัวลุ่ยเจี๋ย หรือ สือโถว สัญชาติไต้หวัน เป็นตัวการใหญ่ที่เป็นผู้นำบัตรกดเงิน สมุดบัญชีมาให้ พร้อมกับสอนวิธีการกดเงิน รวมทั้งเป็นผู้สั่งการ ตำรวจจึงออกหมายจับนายสือโถว


พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ ระบุว่า ล่าสุดตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ได้อีก 5 ราย ขณะนี้กำลังสอบปากคำและรอศาลออกหมายจับ โดยตำรวจทราบผู้เป็นเจ้าของคอลเซ็นเตอร์แล้ว เป็นชาวต่างชาติและพำนักอยู่ต่างประเทศ และในวันศุกร์นี้ จะเดินทางไปพบตำรวจสันติบาลมาเลเซีย เพื่อหารือในการจับกุมเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ในต่างประเทศด้วย


โดยในวันพรุ่งนี้จะเริ่มทยอยคืนเงินให้กับผู้เสียหายอีก 2 ราย จำนวนกว่า 7 ล้านบาท ทั้งเปิดเผยด้วยว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้เสียหายเพียง 2 คนเท่านั้น นอกจากนั้นเป็นเพียงการแจ้งเบาะแส แต่ไม่มีการโอนเงิน ซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพอใจมากที่ประชาชนเกิดการรับรู้และตกเป็นเหยื่อน้อยลง


สำหรับคดีเกี่ยวกับแก๊งค์คอลเซนเตอร์ทั้งหมดนั้น ตำรวจรับแจ้งเป็นคดี ทั้งหมด 287 คดี มูลค่าความเสียหายรวม 144 ล้านบาท


ยึดอายัดได้ประมาณ 12 ล้าน เป็นเงินสดประมาณ 7 ล้าน ทรัพย์สินอีก 5 ล้าน ซึ่งจะเร่งดำเนินการนำเงินคืนผู้เสียหาย นอกจากนี้ยังพบว่ามีคนไทยที่รับจ้างเปิดบัญชีทั้งหมด 173 ราย อยู่ระหว่างติดตามจับกุม 


...


ผสข.ปภาดา พูลสุข 
ข่าวทั้งหมด

X