การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้าบริสุทธิ์ขับเคลื่อน นาย ชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เปิดเผยว่า กฟน.เป็นหน่วยงานแรกของไทยที่ริเริ่มนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้กับรถยนต์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 และในปีนี้กฟน.ก็เดินหน้าร่วมลงทุนกับ EA หรือ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด โดยกฟน.เป็นหนึ่งในผู้ผลักดันให้เกิดสถานีอัดประจุไฟฟ้ากับรถยนต์ ผ่านการจ่ายกระแสไฟฟ้าไปตามสถานีอัดประจุไฟฟ้ารถยนต์ที่เปรียบเสมือนสถานีจ่ายน้ำมันรถ ซึ่งสถานีอัดประจุไฟฟ้ารถยนต์จะมีการเปิดใช้อย่างเป็นทางการในเดือนนี้เริ่มแรก100 แห่งทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล หรือทุกๆ 5 กิโลเมตรในย่านปริมณฑลจะมีสถานีอัดประจุไฟฟ้า 1 แห่ง เพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ขณะนี้คาดว่ามีมากกว่า 10,000 คันทั่วประเทศ และภายในปีนี้จะมีขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้มากถึง 1,000 สถานีทั่วประเทศ
ทั้งนี้กฟน.มั่นใจถึงประสิทธิภาพการจ่ายไฟว่าจะไม่มีปัญหา และได้สอบถามถึงความต้องการหัวชาร์จในแต่ละสถานีไปยัง EA แล้วเพื่อรองรับความต้องการให้เพียงพอกับรถยนต์ สำหรับการชาร์จไฟฟ้าของรถยนต์ไฟฟ้าในแต่ละครั้งนั้น จะใช้เวลาชาร์จประมาณ 7 นาที เมื่อชาร์จเต็มแล้ว รถยนต์สามารถวิ่งได้เป็นระยะทาง 100 กิโลเมตร
ด้านนาย สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด ระบุว่า โครงการนี้ใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท ตลอด 1,000 สถานีทั่วประเทศ โดยบริษัทมองไปถึงอนาคตที่จะมีกระแสความตื่นตัวเรื่องการหันมาใช้รถยนต์พลังงานมากขึ้น แม้จะยอมรับว่าขณะนี้ในไทยยังมีรถประเภทดังกล่าวค่อนข้างน้อย แต่เชื่อว่าการลงทุนครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นความสนใจจากประชาชน และดึงดูดการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น ทั้งยังเป็นการยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์มากขึ้นด้วย ที่สำคัญบริษัทกำลังสร้างรถยนต์ไฟฟ้าด้วยฝีมือคนไทยเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คาดว่าจะขยายตัวมากขึ้น