เลขาธิการปปส.ยอมรับภาคเหนือแหล่งนำเข้ายาเสพติดเน้นสกัดกั้นเฮโรอีนกลับนำเข้ามากขึ้น

18 มกราคม 2561, 19:07น.


สถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ ในปัจจุบัน  นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมกานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า ในปี 2561ปปส.จะเน้นการสกัดกั้นตามแนวชายแดน โดยมีกองกำลังทหาร 8 กองกำลังเป็นผู้สนุบสนุน และยังมีนโยบายส่งเสริมหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็ง ให้ชาวบ้านทำหน้าที่เฝ้าระวังด้วยตัวเอง ซึ่งแต่ละหมู่บ้านจะมีมาตรการวิธีในการบำบัดหากพบผู้เสพยาเสพติดหรือผู้ค้าที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้ ป.ป.ส. พร้อมจะสนับสนุนหมู่บ้านเข้มแข็งเหล่านี้ให้เพิ่มขึ้นด้วย



ส่วนแนวโน้มยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือปี 2560  กับ 2561นั้น เลขาธิการ ปปส. มองว่า ภาคเหนือยังคงเป็นภาคหลักในพื้นที่นำเข้ายาเสพติด โดยจากการจับกุมผู้เสพยาเสพติดและตรวจสอบพบว่ามีการใช้ เฮโรอีนเพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่ใช้ยาบ้า  โดยป.ป.ส. เตรียมประสานกระทรวงมหาดไทยเพื่อขยายผลหาต้นตอแหล่งที่มาของเฮโรอีนเหล่านี้ ขณะที่ในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำยังคงเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดออกมาจำนวนมากโดยเฉพาะยาบ้าและไอซ์ โดยพบว่าผู้ผลิตพยายามหาสารเคมีตัวใหม่เข้ามาทดแทนสารเคมีควบคุม 20 ชนิด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบให้เข้มงวดมากขึ้นและหากพบว่าสารเคมีชนิดใหม่ นี้เป็นสารเคมีชนิดใดจะทำการจัดอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารให้มีความรู้เรื่องสารเคมีใหม่ที่ใช้ผลิตยาเสพติด



เลขาธิการ ปปส. ยอมรับว่าการผลิตยาเสพติดยังคงมีศักยภาพสูง ซึ่งในรอบ 3 เดือน พบการผลิตเฮโรอีน ไอซ์และกัญชาเพิ่มมากขึ้น และพบว่าหน่วยงานสามารถจับกุมยาบ้า ทั่วประเทศ ที่ลักลอบขนส่ง ครั้งละเกิน 1 ล้านเม็ดได้ 10 ครั้ง ซึ่งรวมกันแล้วมีมูลค่ายาบ้า กว่า 50 ล้านเม็ด ส่วน การจับกุมยาบ้าที่มีการขนส่งไม่เกิน 1 ล้านเม็ด ในรอบ 3 เดือน พบมีจำนวนรวม ประมาณ 60 ล้านเม็ด จึงต้องมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น  จากการรายงานผลพบว่าขณะนี้มีนักเคมีชาวไต้หวันที่เข้ามาผลิตยาเสพติดและเข้ามาลงทุน



อย่างไรก็ตามการจับกุมของเจ้าหน้าที่ในระยะหลัง ก็สามารถจับผู้ค้าได้มากขึ้นแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ด้วย ส่วนเส้นทางลำเลียงลักลอบขนยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือมีการสกัดกั้นอย่างเข้มข้นพร้อมเครื่องมือ เทคโนโลยีที่มาช่วยในการตรวจสอบ อย่างไรก็ตามพบว่าผู้ค้ายาเสพติดได้ปรับเปลี่ยนวิธีการลำเลียง เนื่องจาก ทราบเส้นทางการตั้งด่านสกัดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็จะมีการตั้งด่านในเส้นทางสายรองเพิ่มมากขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีที่ได้ออกมา



ส่วนเรื่องการนำกัญชามาทำเป็นยารักษาโรค เลขาธิการปปส. กล่าวว่า ในหลายประเทศมีการนำกัญชามาทำเป็นยารักษาโรค แต่สำหรับประเทศไทยยังถือเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 แม้จะทำเป็นเม็ดยาออกมาถือว่าผิดกฎหมาย และยังไม่มีการอนุญาตให้นำมาทำเป็นยารักษาโรค ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ได้มีกฎกระทรวงที่ประกาศออกมา  คือกฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาตและการอนุญาตให้ผลิตนำเข้าส่งออกจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 โดยกระทรวงสาธารณสุขได้มีการอนุญาตให้บางสถาบัน นำกัญชาไปวิจัยทางการแพทย์ แต่จะต้องมีการขออนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และแม้ว่าจะมีข้อยกเว้นในการนำกัญชามาทำวิจัย ก็ยังไม่สามารถที่จะเสพได้

ข่าวทั้งหมด

X