+++เกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า ทั้งสองเกาหลีเห็นพ้องกันที่จะรวมทีมฮ็อกกี้ผู้หญิง สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เมืองเปียงชางของเกาหลีใต้ ในเดือนกุมภาพันธ์ และจะเดินพาเหรดภายใต้ธงเอกภาพผืนเดียวกันในช่วงพิธีเปิดการแข่งขัน โดยเกาหลีเหนือ จะส่งคณะผู้แทน ซึ่งจะประกอบด้วยสมาชิก 550 คน รวมถึงเชียร์ลีดเดอร์ 230 คน นักแสดง 140 คน และนักกีฬาเทควันโด 30 คน เดินทางมาที่เกาหลีใต้ในวันที่ 25 มกราคมนี้ การทำข้อตกลงนี้ จะทำให้สองเกาหลีรวมทีมกีฬาด้วยกันเป็นครั้งแรกในรอบ 27 ปี นับตั้งแต่การแข่งขันเทเบิ้ลเทนนิสชิงแชมป์โลกเมื่อปี 2534 และการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เยาวชนโลกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่า แต่การรวมทีมกีฬาครั้งล่าสุดนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โอลิมปิก หนังสือพิมพ์โชซุน รายงานอ้างคำกล่าวของรัฐมนตรีวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวของเกาหลีใต้ที่บอกว่า เท่าที่ผ่านมานักกีฬาจากสองเกาหลีเดินพาเหรดร่วมกันในรายการแข่งขันกีฬานานาชาติมาแล้วประมาณ 9 ครั้ง
+++แม้มีการทำข้อตกลงระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ แต่การตัดสินใจสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมกับสองเกาหลีที่สวิตเซอร์แลนด์ในวันเสาร์นี้ เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการรวมสองเกาหลีให้เป็นทีมกีฬาเดียวกัน
+++รอยเตอร์ รายงานอ้างผลศึกษาเรื่องความเสี่ยงทั่วโลกสำหรับปี 2561 เผยแพร่โดยเดอะเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ)ก่อนการประชุมเศรษฐกิจประจำปีในเมืองดาวอส สวิตเตอร์แลนด์ 23-26 ม.ค.นี้ว่า มีความเสี่ยงเกิดเหตุเผชิญหน้าทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างชาติมหาอำนาจรายใหญ่ๆของโลก รวมถึงการเผชิญหน้าทางทหารโดยตรงสูงขึ้นอย่างชัดเจน
รายงานนี้แสดงถึงความเสี่ยงหลายอย่างสำหรับปี 2561 รวมถึงภัยทางธรรมชาติที่เป็นผลมาจากสภาพอากาศแปรปรวนและอุณหภูมิสูงขึ้น ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์
+++ประเด็นที่น่าสนใจและน่าเป็นกังวลมากที่สุดคือปัญหาทางภูมิศาสตร์การเมือง หลังการเปิดศึกวิวาทะต่อเนื่องมาตลอดปีที่แล้วระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯกับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ
+++ผลศึกษาครั้งนี้จัดทำโดยสำรวจความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญราว 1,000 คนจากองค์กรรัฐบาล ธุรกิจ นักวิชาการและเอ็นจีโอ บ่งชี้ว่าร้อยละ 93 คาดว่าปีนี้จะเกิดเหตุเผชิญหน้าทางการเมืองและเศรษฐกิจอย่างรุนแรงระหว่างบรรดาประเทศมหาอำนาจรายใหญ่ๆของโลก รวมถึงร้อยละ 40 ที่เชื่อว่าความเสี่ยงเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน ร้อยละ 79 คาดว่ามีความเสี่ยงเกิดปะทะทางทหารเพิ่มขึ้นในปีนี้ ทั้งบนคาบสมุทรเกาหลีและในตะวันออกกลาง
+++สำหรับนายทรัมป์จะขึ้นเวทีปราศรัยในวันปิดประชุมของดับเบิลยูอีเอฟซึ่งจะจัดขึ้นในแถบเทือกเขาแอลป์ เมืองดาวอส ในสัปดาห์หน้า จะมีผู้นำรัฐบาลจากประเทศต่างๆราว 70 ประเทศ ซีอีโอ นายธนาคาระดับสูงและบุคคลที่ชื่อเสียงในแวดวงสังคมเข้าร่วมประชุมจำนวนมาก
+++เจ้าหน้าที่ทำเนียบเอลีเซ่แถลงว่า นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนีจะเดินทางเยือนกรุงปารีสของฝรั่งเศสในวันศุกร์เพื่อพบเจรจากับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส เกี่ยวกับอนาคตของยุโรป ฝรั่งเศสต้องการผลักดันการปฏิรูปในสหภาพยุโรป(อียู)ร่วมกับเยอรมนี ซึ่งกำลังประสบภาวะชะงักงันในช่วงที่นายกรัฐมนตรีแมร์เคิล กำลังเจรจาหาทางจัดตั้งรัฐบาลผสม การพบหารือของนางแมร์เคิลและนายมาครงจะมีขึ้นในช่วงวันหลังจากนายปีเตอร์ อัลท์ไมเออร์ รักษาการรัฐมนตรีคลังเยอรมนีและหนึ่งในพันธมิตรใกล้ชิดของนางแมร์เคิลได้พบกับนายบรูโน เลอแมร์ รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสเพื่อหารือที่กรุงปารีส
+++สำนักข่าวเอเอฟพี เอพีและรอยเตอร์รายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ว่า กลุ่มชาวเมียนมาพุทธประมาณ 5,000 คน รวมตัวเดินขบวนประท้วงในเมืองโบราณมร็อค-อู ทางเหนือของรัฐยะไข่ เมื่อคืนวันอังคาร เพื่อประท้วงคำสั่งของทางการที่ห้ามจัดงานรำลึกวันครบรอบ วันล่มสลายของราชอาณาจักรอาระกัน เมื่อกว่า 200 ปีก่อน ชาวยะไข่หรือชาวอาระกัน เป็น 1 ใน 135 กลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลเมียนมา ว่าเป็นพลเมืองของประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ประชาชนท้องถิ่นมีการจัดงานติดต่อกันมาทุกปี โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่ากลุ่มผู้จัดงานไม่ได้ขออนุญาตล่วงหน้า ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ความรุนแรงเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มผู้ประท้วงบุกเข้าไปในอาคารสำนักงานปกครองท้องถิ่น และรื้อค้นสิ่งของ เมื่อตำรวจประกาศให้ออกจากสถานที่ กลุ่มผู้ประท้วงปฏิเสธ และพยายามทำร้ายรวมทั้งเข้ายึดปืนจากเจ้าหน้าที่ โดยตอนแรกตำรวจยิงด้วยกระสุนยาง แต่เมื่อเหตุการณ์ทำท่าจะรุนแรงควบคุมไม่ได้ ตำรวจจึงตัดสินใจใช้กระสุนจริง
+++ไปที่กรุงคารากัส ประเทศเวเนซุเอล่า ระบุว่า การปล้นสะดมภ์ร้านค้าต่างๆ ของฝูงชนที่โกรธแค้นรัฐบาลได้ลุกลามในหลายเมืองทั่วประเทศ ส่งผลให้เจ้าของร้านค้าบางแห่งต้องพกปืนและมีดยาว ทำให้เกิดความวิตกกันว่า การปล้นสะดมภ์อาจลุกลามเข้าสู่กรุงคารากัส โดยการขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงและภาวะเงินเฟ้อที่ควบคุมไม่ได้ นำไปสู่การปล้นสะดมภ์อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่คริสต์มาส และมีรายงานมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 7 ศพ เหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นเพราะขาดแคลนเนื้อหมูเพื่อทำอาหารในวันหยุดเทศกาล
+++ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ให้คำมั่นว่า จะแก้ปัญหาขาดแคลนอาหารก็ตาม ซึ่งฝูงชนที่ไม่พอใจรัฐบาลได้ปล้นรถบรรทุกสินค้า, ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายแอลกอฮอล์ ขณะที่ เวเนซุเอล่าเคยเป็นหนึ่งในประเทศร่ำรวยที่สุดของอเมริกาใต้ แต่ต้องประสบปัญหาเศรษฐกิจถดถอยเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน และกลายเป็นประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงสุดของโลกถึงร้อยละ 2,600 เมื่อปีที่แล้ว
+++ชาวโรมาเนียใช้ช่องทางสื่อสังคมขอโทษนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ที่เดินทางไปเยือนประเทศครั้งประวัติศาสตร์ แต่วิกฤติการเมืองทำให้ไม่ได้พบปะกับนายกฯ เจ้าบ้าน เนื่องจากลาออกไป 1 วันก่อนหน้าที่นายกฯญี่ปุ่นจะเดินทางเยือน ทั้งนี้เมื่อวันอังคาร นายอาเบะ มีกำหนดพบกับนายกรัฐมนตรีมิไฮ ทูโดส ในระหว่างการเยือนโรมาเนีย จุดหมายสุดท้ายของการเยือนกลุ่มประเทศในยุโรป และนายอาเบะ เป็นนายกฯญี่ปุ่นคนแรก ที่เยือนสมาชิกสหภาพยุโรปประเทศนี้ แต่นายทูโดส ลาออกจากตำแหน่งในคืนวันจันทร์ อย่างไรก็ตาม นายอาเบะได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับประธานาธิบดีเคลาส์ ไอโอฮานนิส ซึ่งในวันพุธได้อนุมัติให้ นางวิโอริกา แดนซิลา แกนนำคนสำคัญของพีเอสดี ให้ดำรงตำแหน่งนายกฯคนใหม่
CR:AFP,BBC