+++ชาวฟิลิปปินส์เกือบ 15,000 คนบนเกาะลูซอน ต้องอพยพ หลังภูเขาไฟ มายอน ส่งสัญญาณเตรียมระเบิดครั้งใหม่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว ปะทุพ่นลาวาออกมาอย่างต่อเนื่อง สถาบันภูเขาไฟวิทยาและธรณีวิทยาแห่งชาติของฟิลิปปินส์ รายงานการเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างน้อย 9 ครั้งบริเวณภูเขาไฟมายอน จากจำนวนดังกล่าว 4 ครั้ง ส่งผลให้มีการปะทุของลาวาออกจากปากปล่องภูเขาไฟ ยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ว่าภูเขาไฟ ที่มีระดับความสูง 2,463 เมตร ตั้งอยู่บนเกาะลูซอนซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ จะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงในเร็วๆนี้
+++จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้จังหวัดอัลเบย์ ต้องประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติ หลังลาวาที่ถูกพ่นออกมาจากภูเขาไฟมายอนไหลทะลักถึงริมเขตรัศมีห้ามเข้า 6 กิโลเมตรและเถ้าถ่านกระจายปกคลุมหมู่บ้านเกษตรกรที่อยู่ใกล้เคียงภูขาไฟ จำนวนประชาชนที่อพยพเพิ่มขึ้น 2 เท่า ในวันอังคาร เป็นราวๆ 25,000 คน นอกจากนี้ จังหวัดได้ขยายมาตรการหยุดการเรียนการสอนครอบคลุมโรงเรียนต่างๆเพิ่มเติมในอีกหลายเมืองรอบๆภูเขาไฟ
+++สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่น แถลงขอโทษประชาชนหลังการประกาศเตือนภัยผิดพลาดเมื่อเวลา 18.55 น.ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวานนี้ ว่า มีการปล่อยขีปนาวุธมาจากเกาหลีเหนือ ก่อนหน้านี้มีข้อความเตือนภัย ที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่ติดตั้งแอพลิเคชั่นเอ็นเอชเคมีข้อความว่า การเตือนภัยด่วนจากสถานีโทรทัศน์จากเอ็นเอชเค เกาหลีเหนืออาจจะปล่อยขีปนาวุธโจมตีญี่ปุ่น ระบบเตือนภัยหรือเจ-อเลิร์ตของรัฐบาล ขอแนะนำประชาชนให้อพยพเข้าไปอยู่ในอาคารบ้านเรือนหรือในหลุมหลบภัยใต้ดิน
+++อีก 5 นาทีต่อมา สถานีโทรทัศน์ ออกแถลงการณ์อีกฉบับหนึ่งขอโทษชาวญี่ปุ่น ระบุว่าข้อความเตือนภัยเรื่องการปล่อยขีปนาวุธเกาหลีเหนือที่ทางสถานีประกาศไปก่อนหน้านี้เกิดจากความผิดพลาด พร้อมชี้แจงว่า ความจริง ระบบเจ-อเลิร์ตไม่ได้แจ้งเตือนภัย และมีการแก้ไขข้อบกพร่องเสร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว
+++การเตือนภัยที่ผิดพลาดครั้งนี้ มีขึ้นในวันเดียวกับที่สหรัฐฯและแคนาดาจะเป็นเจ้าภาพจัดให้มีการประชุมในเมืองแวนคูเวอร์ แคนาดา เพื่อหารือเรื่องปัญหาวิกฤตบนคาบสมุทรเกาหลี 1 ปีหลังเกาหลีเหนือทดลองขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์มาหลายครั้งเมื่อปีที่แล้ว คาดว่าที่ประชุมจะพูดคุยในเรื่องมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือและแผนส่งคณะนักกีฬาเกาหลีเหนือเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในเกาหลีใต้ในเดือนหน้า
+++นายแพทย์ชาฮิดูล ฮาเก รัฐมนตรีต่างประเทศบังกลาเทศ เปิดเผยว่า รัฐบาลบังกลาเทศ สามารถบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลเมียนมาในเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลาการส่งตัวผู้อพยพชาวมุสลิมโรฮิงญาหลายแสนคนกลับประเทศ หลังหลบหนีการปราบปรามของกองทัพเมียนมาในรัฐยะไข่หนีเข้าไปที่บังกลาเทศเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
+++เมียนมา ตกลงจะทยอยรับชาวโรฮิงญากลับประเทศราว 300 คนต่อวันหรือราว 1,500 คนต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายจะทบทวนความคืบหน้าของการปฏิบัติตามสัญญาทุกๆ 3 เดือน บังกลาเทศ คาดว่าจะสามารถส่งตัวชาวโรฮิงญากลับไปที่เมียนมาได้ทั้งหมดภายใน 2 ปีข้างหน้า จากทั้งหมดที่หลบหนีเข้าไปกว่า 6 แสน 50,000 คน
+++โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอชซีอาร์) กล่าวว่า รัฐบาลเมียนมาจำเป็นต้องเร่งแก้ไขที่ต้นเหตุของปัญหาวิกฤตครั้งนี้ ผู้อพยพควรจะกลับไปที่เมียนมาก็ต่อเมื่อพวกเขารู้สึกว่ามีความปลอดภัยพอที่จะเดินทางกลับไปยังรัฐยะไข่อีกครั้ง
+++ด้านรอยเตอร์ ตั้งข้อสังเกตว่าข้อตกลงไม่ได้ระบุขั้นตอนการส่งชาวโรฮิงญากลับประเทศจะเริ่มต้นเมื่อใด แต่เมียนมาระบุว่ารัฐบาลจะจัดหาที่พักพิงชั่วคราวให้กับชาวโรฮิงญาที่จะถูกส่งตัวกลับจากบังกลาเทศในเร็วๆนี้ และจะสร้างที่พักพิงถาวรแห่งใหม่เพื่อรองรับผู้อพยพในระยะต่อไป ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายลงนามไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อนและอยู่ระหว่างการทำความตกลงในรายละเอียดต่างๆในกรุงเนปีดอว์ในช่วงนี้
+++ความคืบหน้าเหตุระเบิดทำให้ตัวอาคารหลายหลังได้รับความเสียหายในเมืองแอนต์เวิร์ปทางเหนือของเบลเยียมเมื่อค่ำวันจันทร์ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 2 ศพ บาดเจ็บอีก 15 คน ตำรวจไม่เชื่อว่าเป็นก่อการร้าย สื่อมวลชนของเบลเยียม ระบุว่า เป็นเหตุแก๊สระเบิด ในจำนวนผู้บาดเจ็บ 15 คน พบว่า 5 คน อาการสาหัสและอีก 1 คนอาการขั้นวิกฤต จากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในย่านพาเดนมาร์คท์ใจกลางเมืองแอนต์เวิร์ป ซึ่งมีนักเรียนนักศึกษาอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่
+++สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เปิดเผยว่า จะยื่นร้องเรียนต่อองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ) เรื่องเครื่องบินขับไล่ของกาตาร์ บินดักเครื่องบินโดยสารของยูเออี โดยบินเฉียดเข้ามาห่างเพียง 3 กิโลเมตรเท่านั้น ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนยูเออี เปิดเผยว่า จะยื่นเรื่องร้องเรียนพร้อมหลักฐานต่อไอซีเอโอว่าเกิดเหตุร้ายแรงถึง 2 ครั้ง และจะขอให้ไอซีเอโอ ดำเนินการกับกาตาร์ ไม่ให้ทำเช่นนี้อีก ฝูงบินขับไล่ของกาตาร์ บินสกัดเครื่องบินโดยสารสองลำของยูเออี เป็นเที่ยวบินที่มุ่งหน้าไปยังบาห์เรน ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนยูเออี เปิดเผยด้วยว่า กำลังพิจารณาเปลี่ยนเส้นทางบินไปยังบาห์เรนให้หลีกเลี่ยงน่านฟ้ากาตาร์ แต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งเพราะต้องตกลงกับบาห์เรนให้ได้ก่อน
+++สำนักงานการบินพลเรือนบาห์เรน ระบุว่า สายการบินที่ถูกสกัด เป็นสายการบินเอมิเรตส์เที่ยวบิน EK837 และสายการบินเอทิฮัดเที่ยวบิน EY23B บาห์เรน ก็จะยื่นฟ้องเรื่องนี้ต่อไอซีเอโอเช่นกัน
+++ด้านกระทรวงต่างประเทศกาตาร์ ปฏิเสธว่า เป็นข้อกล่าวหาไร้มูลของยูเออีที่พยายามเบี่ยงเบนเรื่องถูกกาตาร์กล่าวหาว่าฝูงบินขับไล่ยูเออีล่วงล้ำน่านฟ้ากาตาร์ในเดือนธันวาคมและมกราคม ล่าสุดเพิ่งล่วงล้ำเมื่อวันอาทิตย์
+++ยูเออี บาห์เรน ซาอุดีอาระเบียและอียิปต์ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตและการค้ากับกาตาร์ ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีก่อน โดยกล่าวหาว่าพัวพันกับกลุ่มติดอาวุธอิสลามและอิหร่าน ขณะที่กาตาร์ปฏิเสธและโต้กลับว่า สี่ประเทศนี้พยายามล้มล้างรัฐบาลกาตาร์
+++เมืองกามาโกริ ทางตอนกลางของญี่ปุ่น เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ต้องประกาศเตือนภัยอันตรายจากการบริโภคปลาปักเป้าที่เกิดความผิดพลาดหลุดออกไปขายในซูเปอร์มาร์เก็ต โดยผู้บริโภคอาจเสียชีวิต หากบริโภคปลาที่มีพิษนี้เข้าไป การขายปลามีพิษออกไป จำนวน 5 ชิ้น เกิดจากความผิดพลาดของซูเปอร์มาร์เก็ต ขณะนี้สามารถตามกลับมาได้แล้ว 3 ชิ้น ส่วนอีก 2 ชิ้น ยังหาไม่พบ ทุก ๆ ปีคนญี่ปุ่นล้มป่วยจากการบริโภคปลาปักเป้า แต่บางรายก็ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต ทางการต้องออกประกาศแจ้งให้ชาวเมืองที่ซื้อปลาปักเป้าไปแล้วนำมาคืนโดยด่วน
+++ชาวญี่ปุ่น นิยมบริโภคเนื้อปลาปักเป้าราคาแพงในช่วงฤดูหนาว โดยชอบทานดิบ ทำเป็นข้าวหน้าปลาดิบ หรือซาชิมิ หรือไม่ก็ปรุงเป็นซุปปลาปักเป้า แต่วิธีการเตรียมปลาสำคัญมาก เพราะส่วนตับ ไข่ และหนังของปลาปักเป้าเต็มไปด้วยสารพิษ ผู้ทำหน้าที่เตรียมปลาปักเป้าจึงจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนมาโดยเฉพาะ และต้องมีใบอนุญาตเป็นกรณีพิเศษด้วย ปัจจุบันยังไม่มียาถอนพิษที่สามารถทำลายระบบประสาทได้อย่างรวดเร็ว
+++เจ้าหน้าที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ดำเนินคดีสองสามีภรรยา นายเดวิด อัลเลน เทอร์พิน วัย 57 ปี และภรรยาคือนางลูอิส แอนนา เทอร์พิน วัย 49 ปี หลังพบว่าลูกๆ 13 คน อายุระหว่าง 2-29 ปี ถูกล่ามโซ่อยู่ในบ้าน บางคนถูกล่ามโซ่ติดอยู่กับเตียงนอนและใส่กุญแจมือท่ามกลางความมืดและกลิ่นเน่าเหม็นในบริเวณโดยรอบ จากการตรวจสอบพบว่า ลูกที่ถูกขังทั้ง 13 คน มีรูปร่างผอม เนื่องจากขาดสารอาหารและเนื้อตัวสกปรก ตำรวจได้ตั้งข้อหาสามีภรรยาคู่นี้ว่ากระทำความผิดฐานทรมาน และกระทำการที่อาจจะเกิดอันตรายแก่เด็กๆ สำหรับเมืองเพอร์ริสอยู่ห่างจากนครลอสแอนเจลิสไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 95 กม.
+++ตำรวจ ได้รับแจ้งเหตุจากหญิงสาววัย 17 ปี หนึ่งในผู้เสียหายในบ้านเกิดเหตุ ซึ่งตำรวจระบุว่ามีลักษณะผอมบางเท่ากับเด็กอายุ 10 ขวบ เธอหลบหนีออกจากบ้านดังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์และใช้โทรศัพท์มือถือที่พบอยู่ภายในบ้านโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน ตำรวจจึงรีบไปให้การช่วยเหลือและนำตัวเด็กทั้งหมดส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพและฟื้นฟูร่างกาย บรรดาเพื่อนบ้านไม่ทราบว่า สามีภรรยาคู่นี้ล่ามโซ่ลูกๆของพวกเขาตั้งแต่เมื่อใดและเพราะอะไรเนื่องจากครอบครัวนี้ไม่ค่อยพูดคุยกับเพื่อนบ้านและไม่เคยเห็นลูกๆของครอบครัวนี้ออกมาเล่นนอกบริเวณบ้าน
+++จากข้อมูลของฝ่ายปกครองของรัฐแคลิฟอร์เนียระบุว่าสามีภรรยาคู่นี้ อยู่ในรัฐเท็กซัสมาหลายปี ก่อนจะย้ายไปอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อปี 2553 สำหรับนายเทอร์พินเคยถูกฟ้องล้มละลายมา 2 ครั้ง ในช่วงที่ถูกฟ้องล้มละลายครั้งที่ 2 เขามีหน้าที่การงานค่อนข้างดีคือ เป็นวิศวกรประจำบริษัทนอร์ทธรอป กรัมแมน ผู้ประกอบธุรกิจเทคโนโลยีอวกาศและกลาโหมของสหรัฐฯและเคยเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง แต่เนื่องจากมีลูกหลายคนและภรรยาไม่ได้ทำงาน หลังถูกฟ้องล้มละลาย จึงมีปัญหาทางการเงินเนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงเกินรายได้ ด้านนายเจมส์และนางเบ็ตตี เทอร์พิน พ่อแม่ของนายเทอร์พินระบุว่าพวกเขาไม่ได้พบครอบครัวนี้มาแล้ว 4-5 ปี
CR:CNN