หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการร้องเรียนให้ใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรี ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ว่าเรื่องดังกล่าวยังไม่อยู่ขั้นตอนตนเองแต่อยู่ในขั้นตอนของสนช. ซึ่งสนช.มีหน้าที่ ที่จะยื่นเรื่องให้ตีความได้ ยกเว้นแต่กรณีที่สนช.ส่งมาที่คณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณา
ส่วนกรณี22เครือข่ายภาคประชาสังคม เตรียมล่า 1 หมื่นรายชื่อ ยื่นร่างกฎหมายยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ต้องไปดูว่ากฎหมายที่ออกมากว่าร้อยฉบับมีฉบับใดเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และกฎหมายทั้งหมดออกมาเพื่ออะไร เพราะส่วนตัวมองว่า มีทั้งผู้ได้และผู้ที่เสียประโยชน์เป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตามขอให้มีหลักคิดที่ถูกต้อง
ส่วนการเข้าตรวจค้น และจับกุมผู้บริหารสถานบริการอาบอบนวดวิกตอเรีย ซีเคร็ทที่พบว่ามีบัญชีส่วย ตำรวจ และเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง นายกรัฐมตรี กล่าวว่า ได้ให้แนวทางทุกหน่วยงานไปแล้วว่าต้องทำตามกฎหมายให้ชัดเจนโดยเฉพาะเรื่องการค้ามนุษย์ เนื่องจากก็มีความผิดทั้งผู้ประกอบการ ผู้สนับสนุนและเจ้าหน้าที่ที่ต้องถูกลงโทษ ซึ่งได้สั่งย้ายออกมาเพื่อสอบสวนแล้ว โดยกำลังดำเนินการตรวจสอบและขยายผล ทั้งนี้ขอเตือนสถานบริการที่อื่นว่าอย่ามีอีกนอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงสถานการณ์การค้ามนุษย์ เพื่อขอปรับจากเทียร์ 2.5 เป็นเทียร์ 2 โดยยอมรับว่าทางรัฐบาลมีความคาดหวัง แต่เป็นเรื่องของคณะกรรมการต่างประเทศ แต่ไทยจะเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไป
ส่วนกรณีที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ได้ออกรายงานทบทวนรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงทั่วโลก ประจำปี 2560 ซึ่งไม่ปรากฏย่านการค้าและศูนย์การค้าในประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการละเมิดสูงแม้แต่แห่งเดียว และถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี และแสดงให้เห็นถึงการกวาดล้างและจับกุมที่มีมาโดยตลอด ซึ่งยืนยันว่าจะเดินหน้าปราบปรามทั้งเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ ปราบปรามประมงผิดกฎหมาย และ การค้ามนุษย์ต่อไป แต่ต้องแก้ปัญหาภายในร่วมด้วย