หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเนื่องในวันครู ว่า ได้ให้แนวทางปฏิบัติปฏิรูปการศึกษาทั้งองค์กรภายใน ภายนอก ระบบการศึกษาและนักเรียน ปรับการเรียนการสอนเท่าทันเทคโนโลยี ซึ่งเดือนนี้เป็นเดือนสำคัญที่มีทั้งวันเด็กและวันครู ซึ่งเด็กและครูถือเป็นกลไก หลักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศเพื่อรองรับอนาคตตามพระบรมราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้แจงและให้นิยามคำว่า"ประชาธิปไตยไทยนิยม"ที่ได้พูดเมื่องานวันเด็กแห่งชาติ ที่ผ่านมา ว่า มีหลายฝ่ายที่นำไปบิดเบือนว่าจะเป็นแบบที่นายกรัฐมนตรี อยู่ตอนนี้และไม่เป็นไม่นำไปสู่ประชาธิปไตยแบบสากล ก็ยืนยันว่า ไม่ใช่เช่นนั้น เพราะไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยแบบใดก็ต้องไม่ทิ้งกลไกหรือสาระสำคัญ ของคำว่า ประชาธิปไตยอันเป็นสากล ทั้งการเลือกตั้ง และการได้มาซึ่งรัฐบาล ที่มีธรรมาภิบาล โปร่งใส และเป็นธรรม
ดังนั้น การให้นิยามคำว่า"ประชาธิปไตยไทยนิยม" คือไทยนิยมของคนไทย ทั้งประเทศ นิยมประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ต้องทำให้คนไทยทุกคนเกิดการยอมรับร่วมกันให้ได้ โดยไม่ทิ้งกลไกและสาระสำคัญของการเป็นประชาธิปไตยแบบสากล แต่เรามีพระมหากษัติริย์เป็นประมุข จึงขออย่ากังวลในเรื่องนี้ ว่า ไทยนิยม คือ ไทยนิยมพล.อ.ประยุทธ์ เพราะไม่ใช่ แต่คือไทยนิยมของคนไทยทั้งประเทศ นิยมประชาธิปไตยที่ถูกต้อง
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ตัวเองไม่เคยคิด หาเสียง เพื่อให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ แต่ที่ทำก็เพื่อความสุขของประชาชนไม่ใช่การเมือง ซึ่งช่วงนี้มีหลายปัญหา และล่าสุดได้มีการตั้งคณะทำงานดำเนินการเชื่อมโยงกันทั้งในเรื่องปรองดอง แก้ไขความยากจน โดยใช้ชุดแบบสอบถามกว่า 7,000 ชุด ซึ่งใช้สูตรเดียวกับประเทศจีน ส่วนการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเฟส 2 ขอยืนยันว่า ไม่เคยทำเพื่อเป็นเรื่องการเมือง และไม่ได้เป็นการจ่ายเงินเพื่อประชาชน แต่เป็นการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนมาลงทะเบียน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการใช้งบประมาณประจำปี โดยยืนยันว่า จะใช้งบประมาณของแผ่นดินอย่างคุ้มค่าและโปร่งใสที่สุด นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการตั้งวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ว่า มีการกำหนดไว้แล้วทั้งเรื่องรายจ่ายและเรื่องขาดดุล พร้อมยืนยันว่าจะใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าและโปร่งใส
ส่วนกรณีที่สื่อโซเชียลวิพากวิจารณ์กระเป๋าถือของนางนราพร จันทร์โอชา ภริยาระบุว่าเป็นกระเป๋าแอร์เมส ราคาสูงถึง 2 ล้านบาท นายกฯย้ำว่า เป็นกระเป๋าของศูนย์ศิลปาชีพ ส่วนกรณีปลูกการกัญชา5พันไร่ที่ในเขตพื้นที่ทหาร ใน จ.สกลนคร เพื่อใช้สกัดยา ก็เพิ่งได้ยินวันนี้ไม่รู้ว่ากระแสข่าวมาจากไหน เพระได้มีการสอบถามไปยังกระทรวงสาธารณสุขแล้วไม่พบทั้งนี้ขอให้ไปดูว่าในต่างประเทศมีการทำอะไรไปบ้างแล้วในเรื่องเหล่านี้ เช่นที่สหรัฐอเมริการมีการปลูกเพื่อนำมาทำเป็นยา ซึ่งในประเทศไทยเรื่องดังกล่าวต้องมีการพิจารณาให้ดี มีหลักเกณฑ์ในการควบคุม เพราะกัญชาเป็นพืชที่มีสารเสพติด ซึ่งจะต้องค่อยๆศึกษา ให้ยอมรับร่วมกันก่อน