ตร.ยืนยัน ไม่มีการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาคดีวิคตอเรียซีเครทอย่างแน่นอน

15 มกราคม 2561, 13:28น.


ความคืบหน้าการบุกเข้าตรวจค้นสถานบริการอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท ย่านพระราม 9 จับกุมนายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ อมรรัตนสิริ อายุ 55 ปี หัวหน้าเชียร์แขก ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา และหญิงบริการทั้งชาวไทยและหญิงต่างด้าว ได้จำนวน 113 คน พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีผู้เสียหาย 3 ราย และส่งมาคัดแยกอีกกว่า 20 คนที่โรงพยาบาลตำรวจ ขณะนี้ยังคัดแยกไม่เสร็จ หากดำเนินการในส่วนนี้เรียบร้อย จะเข้าสู่กระบวนการเยียวยาต่อไป ส่วนเจ้าของสถานบริการเป็นของใครนั้นในแนวทางการสืบสวนของชุดปฎิบัติการมีข้อมูลอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่มีการปกปิดหรือช่วยเหลืออย่างแน่นอน ส่วนการดำเนินกับเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจที่มีชื่อปรากฎ มีเอกสารหลักฐานบันทึกลงในคอมพิวเตอร์ชัดเจนเกี่ยวกับการเรียกรับผลประโยชน์ ทางตำรวจนครบาลมีการประสานข้อเอกสารหลักฐานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วและเตรียมเรียกนายตำรวจที่ปรากฎมาชี้แจงต่อไป แต่ทั้งหมดต้องรอให้กระบวนการคัดแยกเหยื่อเรียบร้อยก่อน เบื้องต้นทางตำรวจนครบาล ได้สั่งย้าย 5 เสือ สน.วังทองหลาง กรณีปล่อยปละละเลย เพื่อความโปรงใสในการตรวจสอบแล้ว 


รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย้ำว่าที่ผ่านมา พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้ทุกพื้นที่ดำเนินการอย่างเต็มที่ในการป้องกันการลักลอบเปิดสถานบริการในลักษณะเป็นการค้ามนุษย์ และแต่ละพื้นที่เองก็มีการออกสุ่มตรวจตามวงรอบอยู่แล้ว โดยในการเข้าตรวจค้นที่วิคตอเรีย ซีเครท ยอมรับว่าตำรวจก็ได้รับการประสานข้อมูลในเบื้องต้น 


ส่วนความคืบหน้า กรณีนางสาวณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ที่อ้างว่าถูกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์นำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร พันตำรวจเอกกฤษณะ ระบุว่า นางสาวณิชา ยังถือเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชนในพื้นที่ สภ.บ้านตาก และในเวลาเดียวกันก็ยังเป็นผู้เสียหายจากการที่ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ว่าถูกคนร้ายนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี โดยยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นกับขบวนการหรือเป็นผู้บริสุทธิ์ โดยตำรวจกองปราบปรามและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล


ส่วนนางสาวปวีณา สิงหวิบูลย์ อายุ 31 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวและแจ้งข้อหาไปเมื่อวานนี้หลังสอบปากคำนานกว่า 12 ชั่วโมง รวม 3 ข้อหา คือ ข้อหาลักทรัพย์ นำบัตรประชาชนของผู้อื่นไปใช้ และข้อหาปลอมแปลงเอกสาร เบื้องต้นได้ให้การยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้นำบัตรประชนชนบุคคลอื่นไปเปิดบัญชีจริง โดยอ้างว่าได้รับค่าจ้างจำนวน 10,000 บาท จากนายไซม่อน ชาวต่างชาติ ซึ่งมีรายงานว่าถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ตาม พรบ.ตรวจคนเข้าเมืองฯ แล้ว และอยู่ในขั้นตอนการซักถามโดยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา


รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า จากการตรวจสอบแผนประทุษกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยอมรับว่ามีส่วนคล้ายกับแก๊งโรแมนซ์สแกรมคือการหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ซึ่งยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ว่าทั้งสองแก๊งมีส่วนเชื่อมโยงกัน


....


ผสข.ปภาดา พูลสุข
ข่าวทั้งหมด

X