รัสเซีย ถูกโครนโจมตีที่ซีเรีย/ดาวโจนส์ลดลงแล้ว-น้ำมันยังปรับขึ้น/ศาลเมียนมา ยังไม่สั่งฟ้องคดีนักข่าว

11 มกราคม 2561, 06:05น.


ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30น.



++++กระทรวงกลาโหมรัสเซียว่า ฐานทัพฮเมย์มิมของรัสเซียในเมืองตาร์ตุสของซีเรีย ถูกโจมตีด้วยอากาศยานไร้คนขับหรือโดรน 13 ลำเมื่อวันเสาร์ แต่หน่วยทหารรัสเซีย เข้าขัดขวางการโจมตี ทำให้ฐานทัพนั้นไม่ได้ความเสียหายมากนัก รัสเซีย ตั้งข้อสังเกตว่า มีหลายประเทศรวมถึงสหรัฐฯเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารในซีเรียในขณะนี้ ที่สำคัญคือข้อมูลสำหรับใช้เพื่อการโจมตี ก็คงจะได้รับจากกลุ่มประเทศที่มีเทคโนโลยีดาวเทียมสำรวจภูมิประเทศ นอกจากนี้รัสเซียตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเหตุบังเอิญที่แปลกมากที่เครื่องบินสอดแนมลำหนึ่งของกองทัพสหรัฐฯทำการบินวนอยู่ใกล้ฐานทัพนั้นราว 4 ชม.ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับช่วงเกิดเหตุโจมตีด้วยโดรน

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย สั่งการเมื่อเดือนที่แล้ว ให้กองทัพฯเริ่มทยอยถอนกำลังทหารรัสเซียส่วนใหญ่ออกจากซีเรีย นับแต่นั้นมา ฝ่ายกบฏซีเรียได้มุ่งเป้าการโจมตีไปยังฐานทัพดังกล่าว มีทหารรัสเซียเสียชีวิต 2 ศพระหว่างเหตุโจมตีในวันส่งท้ายปี



+++เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯว่ารัฐบาลสหรัฐฯได้แจ้งสภาคองเกรสให้ทราบว่ารัฐบาลอนุมัติเรื่องการขายจรวดนำวิถีพื้นสู่อากาศต่อต้านขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นเอสเอ็ม-3 ให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น มูลค่า 133,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สัญญาซื้อขายนี้รวมถึงการขายจรวดรุ่นเอสเอ็ม-3 จำนวน 4 ลูก พร้อมบริการเสริมด้านเทคนิค วิศวกรรมและด้านโลจิสติกส์อื่นๆ สำหรับจรวดรุ่นเอสเอ็ม-3 เป็นจรวดสำหรับยิงต่อต้านขีปนาวุธสามารถจะนำไปติดตั้งอยู่บนเรือพิฆาตของญี่ปุ่นที่ติดตั้งระบบเรดาร์ตรวจจับเป้าหมายที่เรียกว่าเอจีส หรือติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธภาคพื้นดินที่เรียกว่า เอจิส อะชอร์



++เกาหลีใต้ออกมาระบุว่า  สหรัฐฯพร้อมเจรจากับเกาหลีเหนือ "ในช่วงเวลาที่เหมาะสม" จุดยืนดังกล่าวเกิดขึ้นในการสนทนาทางโทรทัศน์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯกับประธานาธิบดี มูน แจ-อิน แห่งเกาหลีใต้ ซึ่งดูเหมือนเป็นการสานต่อความก้าวหน้า หลังจากเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือเพิ่งจัดเจรจากันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ตามหลังความตึงเครียดขั้นสูงเกี่ยวกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ



+++ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิตตลาดลดลง16.67 จุด ปิดที่ 25,369.13 จุด ราคาน้ำมันเวสต์เท็กซัส ตลาดนิวยอร์ค ปิดตลาด เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ ที่ 63.50 เหรียญสหรัฐ เบรนท์ทะเลเหนือ ลอนดอน เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ ที่ 69.07 เหรียญ และราคาทองคำโคเม็กซ์ ปิดเพิ่มขึ้น 3.76 เหรียญ ที่ 1,317.40 เหรียญ  ต่อออนซ์



+++นายขิ่น หม่องซอว์ ทนายจำเลยชาวเมียนมาว่า การไต่สวนมูลฟ้องของศาลแขวงในนครย่างกุ้ง เมื่อเช้าวานนี้ ผู้พิพากษาอ่านคำฟ้องของพนักงานสอบสวนให้จำเลยทราบข้อหา ระบุว่า พนักงานสอบสวนตั้งข้อหา 2 นักข่าวรอยเตอร์คือนายวา โลน อายุ 31 ปี และนายจ่อ โซโอ อายุ 27 ปี กระทำความผิดกฏหมายว่าด้วยการรักษาความลับสำคัญของราชการ มาตรา 3.1 (ค.) เป็นกฎหมายที่ใช้มาตั้งแต่ยุคที่เมียนมาอยู่ใต้อาณานิคมของอังกฤษ มีอัตราโทษสูงสุดคือ จำคุก 14 ปี โดยมาตรานี้กำหนดโทษทางอาญาสำหรับคนที่มีเอกสารหรือข้อมูลราชการใดๆที่อาจจะนำใช้เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายข้าศึกไว้ในครอบครอง หรือรวบรวม จัดทำบันทึกหรือพิมพ์เผยแพร่เอกสารดังกล่าว ผู้พิพากษาได้นัดคู่ความให้มาฟังประเด็นปัญหาโต้แย้งทางกฎหมายในวันที่ 23 มกราคมนี้ และจะอ่านคำสั่งชี้ขาดว่า ควรจะรับคดีไว้พิจารณาต่อไปหรือไม่



+++ศาลของรัฐบาลกลางในเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกโครงการคุ้มครองผู้อพยพผิดกฎหมายที่ถูกพ่อแม่พาเข้าสหรัฐฯตั้งแต่ยังเด็กหรือดีเอซีเอ มีผลช่วยให้เยาวชนราว 8 แสนคนไม่ต้องถูกเนรเทศออกจากสหรัฐฯ พร้อมทั้งตั้งข้อสงสัยเรื่องประเด็นปัญหาข้อกฏหมายหลายข้อที่รัฐบาลของนายทรัมป์อ้างเป็นเหตุผลในการตัดสินใจยกเลิกโครงการดังกล่าว  



+++เฟซบุ๊คของนายทิค เอเวอเร็ตต์ บิดาของด.ญ.เอมี ดอลลี เอเวอเร็ตต์ วัย 14 ปี ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของสาธารณชนในออสเตรเลีย จากถ่ายแบบโฆษณาหมวกคาวบอยของบริษัทอะคูบรา ว่า ด.ญ.ดอลลี เอเวอเร็ตต์ ฆ่าตัวตายเนื่องจากถูกรังแกทางสังคมออนไลน์ พร้อมทั้งขอให้คนในสังคมออสเตรเลียร่วมตระหนักถึงปัญหานี้ เพื่อจะได้หาทางป้องกันไม่ให้เกิดกรณีเด็กๆลงมือฆ่าตัวตายจากการถูกรังแกเช่นนี้อีกในอนาคต ด้านบริษัทอะคูบรา แสดงความเสียใจกับครอบครัวของด.ญ.ดอลลี เอเวอเร็ตต์ เรียกร้องให้สาธารณชนในออสเตรเลียร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหานี้ต่อไป เช่นเดียวกับเฟซบุ๊ค ระบุว่า การรังแกกันในทุกรูปแบบเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ พร้อมเรียกร้องให้ผู้ใช้เฟซบุ๊คให้ร่วมกันประณามพฤติกรรมรังแกคนอื่นผ่านสื่อออนไลน์ ข้อมูลจากรัฐบาลออสเตรเลีย บ่งชี้ว่า เด็กๆ 1 ใน 5 คนในออสเตรเลียเปิดเผยว่าพวกเขาถูกรังแกทางสื่อออนไลน์เมื่อปีที่แล้ว

ข่าวทั้งหมด

X