ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.
+++ใกล้จะเลือกตั้ง ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เจอสื่อต้องยิ้มแย้มแจ่มใส ต้องส่องกระจกดูตัวเองก่อนว่าหน้าตาเป็นอย่างไรก่อนจะลงมา เพื่อให้มันดูผ่อนคลาย ไม่เช่นนั้นเครียดลงมาแล้วมาเจอสื่อ จะหงุดหงิดเกินไป ส่วนท่าทีของพรรคการเมืองร่วมกันสกัดนายกฯคนนอก แม้จะมีขั้นตอนการคัดเลือกถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สกัดใครยังไม่รู้เลยใช่ไหม เห็นเป้าก็เป็นตนอย่างเดียว มันไม่มีคนอื่นเลยหรือ ไปดูคนอื่นหน่อย ในส่วนของตัวตนเองนั้นทุกอย่างเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย วันหน้ายังไงอะไรเกิดขึ้นยังไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับกฎหมายลูก อย่าไปกังวล รัฐธรรมนูญออกมาแล้ว จะต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ คิดกันเองหรือเปล่า การเมืองต้องเป็นเรื่องของการเมืองก็ว่ากันไป
+++ส่วนการใช้ม.44 พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวกับสมาชิก คสช. เพราะที่ผ่านมามักมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลายๆ ฝ่ายว่า คสช.ด้วยอำนาจพิเศษไปลิดรอนและไปก้าวก่ายหน้าที่ต่างๆ ดังนั้น ที่ประชุม คสช.จึงทบทวนการใช้อำนาจตามมาตรา 44 จะมีหลัก 4 ประการ 1.การมาตรา 44 ต้องเกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศ 2.เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคง 3.การรักษาความปลอดภัยให้กับสังคมและประชาชน และ 4.เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งนี้ อำนาจมาตรา 44 จะมีผลทางนิติบัญญัติ มาตรา 44 จะมีศักดิ์เท่ากับกฎหมาย ส่วนผลทางฝ่ายบริหาร คำสั่งมาตรา 44 จะสั่งให้ข้าราชการต้องปฏิบัติ หรือไม่ปฏิบัติ อาทิ การปรับย้าย และตุลาการ จะใช้ในการตัดสินคดีได้ ซึ่งนี่เป็นหลักการ แต่ว่าการใช้มาตรา 44 นั้น คสช.ยืนยันว่าไม่ไปก้าวก่ายและยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายตุลาการแต่อย่างใด เพียงแต่จะช่วยให้เรื่องต่างๆ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น
++สำหรับการตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ภายหลังปรากฏตัวที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่มีภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปรากฏตัวที่ประเทศอังกฤษ ว่า ยังไม่มีข้อมูลว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางเข้าประเทศอังกฤษด้วยสถานะอะไร อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวมีการรับรู้กันมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 เนื่องจากรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษเล่าให้ฟังว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ น.ส.ยิ่งลักษณ์น่าจะถือพาสปอร์ตของชาติอื่นในการเดินทางเข้าประเทศอังกฤษ เพราะกระทรวงการต่างประเทศได้เพิกถอนพาสปอร์ตทุกฉบับของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปแล้ว
+++นายอำนาจ โชติชัย อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ กล่าวถึงขั้นตอนและความคืบหน้าการจะขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า การจะยื่นคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้นั้นต้องชัดเจนเรื่องที่อยู่ในประเทศที่ร้องขอ และเงื่อนไขการขอตามที่บัญญัติใน พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 ที่เป็นคดีความผิดโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี, เป็นคดีอาญาความผิดทั้ง 2 ประเทศ และไม่ใช่เรื่องการทหารหรือการเมือง คดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชัดเจนว่าคดีตัดสินถึงที่สุดแล้วให้จำคุกและเป็นคดีอาญาผ่านกระบวนการพิจารณาทางศาลมาครบถ้วน ไม่ใช่คดีทางการทหารหรือการเมือง ที่เข้าข้องดเว้นการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งเป็นเงื่อนไขสากลปฏิบัติกัน เป็นเรื่องโดยตรงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพราะตามขั้นตอนกฎหมายการขอส่งผู้ร้ายแดน แล้วส่งมาให้อัยการบรรจุในคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่อัยการสูงสุดเป็นผู้ประสานงานกลางตามกฎหมายลงนามและยื่นคำร้องผ่านกระทรวงการต่างประเทศ แต่ในการพิจารณาคำร้องขอทั้ง 2 เรื่องของประเทศปลายทางนั้นจะเป็นอย่างไรเราก้าวล่วงไม่ได้ กรณีการติดตามตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลฎีกาฯจำคุกถึงที่สุด 2 ปีคดีซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก อัยการเคยยื่นคำขอไปแล้วร่วม 10 ประเทศทั้งแถบยุโรปและเอเชีย มีทั้งปฏิเสธมาว่านายทักษิณไม่ได้อยู่ขณะร้องขอหรือเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว
+++แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ยื่นขอลี้ภัยในประเทศ อังกฤษ แต่ขอวีซ่านักลงทุน เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ลงทุนในประเทศอังกฤษจึงได้สิทธิพักอาศัยในอังกฤษได้ 5 ปี และสามารถต่ออายุได้ 5 ปี เหตุที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เลือกขอลี้ภัย แม้จะสามารถขอได้ แต่เกรงว่าการขอลี้ภัยอาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ นอกจากนี้หากเป็นผู้ลี้ภัยจะถูกจำกัดสิทธิในการเคลื่อนไหวต่างๆ ดังนั้นจึงใช้วีซ่านักลงทุนโดยได้สิทธิพักอาศัยในอังกฤษ นอกจากนี้นายศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์อยู่ระหว่างเทียบเกรดอยู่ เพื่อโอนเกรดไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษเช่นกัน
+++เว็บไซต์ของรัฐบาลอังกฤษ www.gov.uk ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการขอวีซ่าประเภทนักลงทุน หรือเทียร์ 1 ในอังกฤษไว้ว่า ผู้ที่เข้าข่ายจะขอวีซ่าดังกล่าวจากอังกฤษได้ต้องมีเงินลงทุนในอังกฤษเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 2 ล้านปอนด์ หรือราว 88 ล้านบาท โดยวีซ่าประเภทนี้จะเปิดให้แก่ผู้ที่มาจากนอกเขตเศรษฐกิจยุโรป (อีอีเอ) และ สวิตเซอร์แลนด์ โดยต้องแสดงหลักฐานเกี่ยวกับเงินที่จะใช้ลงทุนไม่น้อยกว่า 2 ล้านปอนด์ประกอบการยื่นขอวีซ่า หากได้รับอนุมัติวีซ่านักลงทุน ผู้ขอจะอยู่ในอังกฤษ ได้สูงสุด 3 ปี 4 เดือน โดยผู้ขอยื่นเรื่องเพื่อขยายเวลาอยู่ในอังกฤษต่อไปได้อีก 2 ปี โดยผู้ขอสามารถนำเงิน 2 ล้านไปลงทุนในอังกฤษ อาทิ ซื้อพันธบัตรรัฐบาล ใช้เป็นทุนจดทะเบียน เป็นเงินกู้ยืม หรือซื้อขายกับบริษัทที่จดทะเบียนในอังกฤษ
+++ค่าเงินบาท ที่แข็งค่าตอนเนื่อง กระทบ ต่อการส่งสินค้าออกในต่างประเทศ นางสาวกัญญาภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สภาผู้ส่งออก) หรือ สรท. กล่าวว่า ในปี 2560 การส่งออกเติบโต ร้อยละ10 เกินคาดการณ์ที่ประเมินไว้ โดยเป็นการเติบโตดีขึ้นมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน และในปี 2561 เชื่อว่าส่งออกจะดีต่อเนื่อง ขยายตัวที่ร้อยละ5.5 ขณะที่ผลิตภัณฑ์ มวลรวมฯ(จีดีพี)จะอยู่ในกรอบ 3.8-4%
++ส่วนประเด็นค่าเงินบาท มองว่า ในปีนี้มีโอกาสที่ค่าเงินบาทอาจจะ แข็งค่าอีก ในอดีตเงินบาทเคยแข็งค่าถึง 28 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ดังนั้น สภาผู้ส่งออก เตรียมหารือกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในวันที่ 12 มกราคม 2560 นี้ เพื่อทราบข้อมูลที่ชัดเจนว่าทิศทางค่าเงินบาทจะไปทิศทางไหน เนื่องจากที่ผ่านมาค่าเงินผันผวน ควบคุมยาก ทั้งนี้ในปี 2560 ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้รายได้ของผู้ประกอบการส่งออก หายไปรวมกว่า 350,000 ล้านบาท
+++เงินทอนวัดนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ พศ.จำนวน 9 คน ทุจริตเงินทอนวัดใน 3 วัดจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ในส่วนของความผิดทางวินัยร้ายแรง ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะส่งเอกสารและรายงานให้หน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวคือ พศ.ลงโทษทางวินัย ซึ่งภายหลังได้รับเอกสารและรายงานแล้ว ทาง พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ. จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยขึ้นมาเพื่อพิจารณาลงโทษต่อไป ในจำนวน 9 คนที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งพักงานไปก่อนหน้านี้แล้ว หลายคน
+++วันนี้ลุ้นกันเพราะจะมีความชัดเจนเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มีกำหนดประชุมหารือร่วมกับคณะกรรมการค่าจ้างที่กระทรวงแรงงาน นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวง แรงงานในฐานะประธานคณะกรรมการ ค่าจ้าง กล่าวว่า ที่มีข่าวว่าจะปรับขึ้นค่าจ้าง 15 บาท ยืนยันว่าเป็นเพียงกระแสข่าวเท่านั้น ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการค่าจ้างตามระบบไตรภาคี ที่จะพิจารณา นายกลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงจุดยืนเรื่องการปรับค่าแรงขั้นต่ำของ กกร. ว่าเห็นตรงกันว่าเห็นด้วยกับการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างประจำปี แต่การกำหนดอัตราค่าจ้างประจำปีไม่ควรกำหนดในลักษณะอัตราเดียวกันทั่วประเทศ เนื่องจากสภาพข้อเท็จจริงทางเศรษฐกิจและจำเป็นของแต่ละจังหวัดที่มีความแตกต่างกัน