หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการติดตามนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังปรากฎตัวที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานที่ชัดเจน ซึ่งได้ประสานข้อมูลไปยังต่างประเทศแล้วแต่ยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการกลับมา เนื่องด้วยติดข้อกฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนเรื่องการติดตามตัวกลับมารับโทษ เป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องประสานกับ ทาง อินเตอร์โพล หรือตำรวจสากล ทางการไทยเองได้ดำเนินการทุกอย่างแล้ว แต่การให้ข้อมูลหรือทำเรื่องส่งตัว ขึ้นอยู่กับเหตุผลและการพิจารณาของประเทศนั้นๆ พร้อมยืนยันว่า ทางรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ นายกรัฐมนตรีย้ำด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันชัดเจน โดยขอให้รอกระบวนการทางกฎหมาย พร้อมยกตัวอย่างนักโทษหนีคดี ออกต่างประเทศคนก่อนก็ยังไม่มีการประสานส่งตัวกลับมา จึงขออย่านำมาเป็นประเด็นภายในประเทศ เพราะเป็นเรื่องของต่างประเทศซึ่งมีหลายเรื่องที่อาจจะใช้หลักเกณฑ์พิจารณาแตกต่างกัน ขณะที่ไทยเองมีหลายกรณีที่มีการร้องขอส่งตัว แต่ไม่ได้ดำเนินการตอบกลับเช่นกัน ดังนั้นขอให้ดูหลายมิติโดยเฉพาะกฎหมายภายในประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้มีการสั่งการดำเนินการเป็นพิเศษ และให้ดำเนินการตามขั้นตอนปกติ
ส่วนข้อเสนอจากภาคเอกชนที่ต้องการให้ใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาทีวีดิจิทัลให้หยุดจ่ายเงินและคืนใบอนุญาติ รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้ มาตรา 44 ให้เลื่อนจ่ายค่าประมูลคลื่น ตามที่ เอไอเอส กับทรู ขอมา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้กำลังให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณา ที่จะปลดล็อกและแก้ปัญหา ซึ่งรัฐบาลก็มีความเห็นใจในเรื่องดังกล่าว แต่ขอให้เห็นใจรัฐบาลด้วย เพราะทีวีดิจิตอลเกิดขึ้นมานาน และผู้ประมูลก็คิดว่าจะสร้างรายได้ แต่กลับขาดทุน เพราะสปอนเซอร์มีเท่าเดิม แต่ยืนยันว่าจะพยายามแก้ปัญหาให้ เพื่อไม่ให้ธุรกิจแย่ลง
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึง การปรับค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศของกระทรวงแรงงานว่า เป็นเรื่องการหารือของคณะกรรมการ และตนเองไม่สามารถล้วงลึกในเรื่องนี้ได้ แต่ได้ให้กระทรวงการคลัง ไปดูเรื่องการขึ้นค่าแรงที่ต้องไม่กระทบกับผู้ประกอบการแล้ว จึงขอให้ประชาชนรอฟัง และคาดว่ากระทรวงการคลังจะมีการขออนุมัติเร็วๆนี้ ส่วนภาคเอกที่เดือดร้อนรัฐบาลก็จะหาทางแก้ปัญหาให้ โดยเฉพาะมาตรการเรื่องการเงินการคลัง ซึ่งตนเองเข้าใจภาคธุรกิจที่ต้องการผลกำไร และลดค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่อย่าลืมกลุ่มคนจนด้วย
ส่วนการบริการจัดการบุคคลที่หารือ ในที่ประชุม คสช. โดยได้เน้นย้ำว่า สำนักงานบริการจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ต้องปรากฎเป็นรูปธรรม เพื่อเร่ง แก้ปัญหาน้ำท่วม อุทกภัย และภัยแล้ง อย่างยั่งยืน และ บูรณาการติดตามงบประมาณของกระทรวงต่างๆ ลดความซับซ้อนของหน่วยงานต่างๆ ขณะนี้สำนักงานบริหารจัดการน้ำและ กรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งเตือนปรากฏการณ์ลานินญ่า ฝนตกนอกฤดูกาลและฝนตกมากกว่าปกติในแทบเอเชียและประเทศไทย และอาจจะมีปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นในบางช่วง จึงต้องมีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นรูปแบบ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนให้จัดทำมาตราการเพื่อทำการพร่องน้ำ ในเขื่อนที่ขณะนี้มีมากถึงร้อยละ 84 ซึ่งต้องมีการจัดบริหารน้ำทั้งระบบ นายกรัฐมนตรียังระบุถึงการหารือ แม่โขงล้านช้างครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ม.ค. ว่าเพื่อหารือถึงแผนบริหารจัดการ 5 ปีร่วมกับ กลุ่มสมาชิก 5 ประเทศ ขณะที่เตรียมหารือ กับสมเด็จฮุนเซน เพื่อหารือและกระชับความสัมพันธ์ในทุกด้านด้วย