หลังการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุม พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ในฐานประธาน คสช. ได้ทบทวนการใช้หลักการอำนาจตามมาตรา 44 หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการใช้อำนาจ โดยยึดมั่นว่า เรื่องที่จะใช้ต้องคำสั่งนั้นเกี่ยวข้องกับการการฏิรูปประเทศ เช่น ใช้รักษาความมั่นคง ใช้รักษาความปลอดภัย และใช้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงแม้ คำสั่งตามมาตรา 44 จะมีอำนาจเทียบเท่ากับหลักนิติบัญญัติ และตุลาการแต่ก็ยืนยันว่าไม่เคยเข้าไปยุงเกี่ยวกับงานหรือก้าวก่ายกับอำนาจตุลาการ โดยตัดสินคดีใคร พร้อมทั้งให้คำนึงว่าใช้มาตรา 44 เท่าที่จำเป็น เช่น เรื่องเร่งด่วน หากล่าช้าอาจเกิดความเสียหายจึงนำมาตรา 44 มาใช้ และการจะใช้มาตรา 44 เป็นการเฉพาะกิจเฉพาะหน้าเท่านั้น จากนั้นจะออกเป็นกฎหมายให้เกิดความยั่งยืน อย่างไรก็ตามเมื่อจบภาระกิจตามโรดแมปของ คสช. แล้ว จะยกเลิกคำสั่งทั้งหมดที่เคยใช้
ที่ประชุมยังได้รับรายงานจากรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงถึงสถานการณ์ยาเสพติดที่พัฒนาการ การลักลอบซื้อขาย ทำให้มีการผลิตจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องตรวจตราให้มากขึ้น พร้อมตั้งด่านตรวจในพื้นที่ต่างๆ ในถนนสายหลักและสายรอง เพื่อให้ประชาชนเกิดความสบายใจ
ที่ประชุมยังได้มีการพูดถึงกรณีการจุดพลุประทัด ปล่อยบั้งไฟ หลังมีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มาตรา 44 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2559 ห้ามจุดและปล่อยพลุ ประทัด บั้งไฟ และมีคำสั่งอนุญาตให้จุด ปล่อยพลุ ประทัด บั้งไฟได้ในเวลา 23.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2560 - 01.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2561 แต่หลังจากภายในระยะเวลาที่อนุญาตแล้ว จะไม่สามารถจุดพลุประทัด หรือปล่อยบั้งไฟได้ หากจะดำเนินการจะต้องขออนุญาตนายอำเภอแต่ละจังหวัดหรือผู้อำนวยเขตการแต่ละสำนักงานเขตในพื้นที่กรุงเทพฯ
นอกจากนั้น ยังได้มีการหารือ ถึงรายละเอียดเบื้องต้น การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติภายใต้สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีโดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยในที่ประชุมได้มีการหารือถึงหลักการให้แต่ละหน่วยงานที่มีอำนาจเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำตรวจสอบหน่วยงานของตน เพื่อดึงบุคคลเข้ามาช่วยงานในสำนักงานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ และคาดว่าจะสามารถออกคำสั่งมาตรา 44 ได้ในระยะเวลาไม่นานนี้