การจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงประชาชน จนเป็นเหตุให้สูญเสียทรัพย์สินจำนวนมาก ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและสมุทรปราการพลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แถลงผลการจับกุม 3 ผู้ต้องหา ได้แก่ นายวสิฐวิชญ์ สุขเบื้องบน อายุ 43 ปี ที่ทำหน้าที่ขับรถตระเวนถอนเงินสดที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหาย จากตู้กดเงินสดในพื้นที่ ลาดพร้าว ทองหล่อ บางเขน กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมยึดทรัพย์สินจำนวน 26 รายการ ทั้งรถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะในการถอนเงินสด และเงินสดจำนวน 154,000 บาท ตำรวจจึงแจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันบุกรุกเคหะสถานของผู้อื่นในเวลากลางคืน และร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืน
สำหรับผู้ต้องหารายที่ 2 คือ นายณัฐพงศ์ ตรัยรัตนยนต์ อายุ 38 ปี ผู้ทำหน้าที่กดเงิน ตำรวจแจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยการแสดงเป็นบุคคลอื่น
ส่วนผู้ต้องหารายที่ 3 คือ นายซู เช่า หลง อายุ 22 ปี สัญชาติไต้หวัน ตำรวจจับกุมได้ขณะทำการทดสอบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ บริเวณตู้กดเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา ร้านสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ท สาขาการเคหะ อำเภอเมืองสมุทรปราการ พร้อมของกลาง อาทิ บัตรอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ ตำรวจจึงแจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ ระบุว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายรับสารภาพแล้ว โดยมีพฤติกรรมคือจะกดโอนเงินที่ผู้เสียหายโอนมาให้ ไปยังบัญชีปลายทางในประเทศจีน มีการกดเงินไปกว่า 40 ครั้ง พรุ่งนี้จะไปหารือกับอธิบดีอัยการ เพื่อให้การฟ้องและนำทรัพย์สินคืนสู่ประชาชนเร็วขึ้น และสัปดาห์หน้าจะมีผู้เสียหายที่เป็นคนจีน เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อรับทรัพย์สินคืนด้วย อย่างไรก็ตาม สถิติผู้เสียหายเฉพาะคนไทยจากเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ที่แจ้งความกับตำรวจ มี 226 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งพบว่า ช่วงหลังมานี้มีคนไทยตกเป็นผู้เสียหายน้อยลง
สำหรับคนไทยที่เปิดบัญชีหน้าม้าหลายบัญชี ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างไม่มีข้อยกเว้น จึงขอให้ผู้ที่เป็นหน้าม้า เดินทางไปปิดบัญชีและยกเลิกการขายบัญชีให้กับคนต่างชาติด้วย พร้อมยอมรับว่าในอดีตที่จับกุมคนร้ายได้ไม่หมด เนื่องจากไม่ได้จับกุมคนเปิดบัญชี เน้นจับแต่ผู้ทำหน้าที่กดเงิน จึงทำให้ปัญหาไม่จบสิ้น เมื่อจับกุมผู้รับจ้างเปิดบัญชี จึงทำให้มีการทำผิดน้อยลง
ส่วนคนไทยที่เดินทางไปเป็นเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ในต่างประเทศ ขณะนี้พบว่ามีการเดินทางกลับประเทศไทยมากขึ้น เพราะคนไทยตกเป็นเหยื่อน้อยลง มีการหักเปอร์เซ็นต์ ทำให้มีรายได้น้อยลง จึงขอให้เดินทางกลับบ้านเกิด ขอให้เลิกหลอกลวงคนไทย หันมาทำงานสุจริตด้วย
...
ผสข.ปภาดา พูลสุข