UNSC มีความเห็นแตกแยกกรณีเหตุการณ์ไม่สงบในอิหร่าน

การประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ตามคำร้องขอของสหรัฐฯ กรณีเหตุการณ์ไม่สงบในอิหร่าน สหรัฐฯ และรัสเซีย ต่างมีความคิดเห็นแตกแยก นางนิกกี้ เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ มองว่า เหตุการณ์ไม่สงบสามารถบานปลายไปสู่ความขัดแย้งเต็มรูปแบบ โดยได้เปรียบเทียบกับกรณีซีเรีย โลกจำเป็นต้องเฝ้าจับตามองสถานการณ์ แต่นายวาสิลี่ เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ เห็นขัดแย้ง นับตั้งแต่สหรัฐฯ ผลักดันกรณีดังกล่าวหารือในที่ประชุม UNSC โดยโต้ว่า เหตุการณ์ประท้วงในอิหร่าน มิได้เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงโลก ดังนั้น จึงควรปล่อยให้อิหร่านจัดการปัญหาของตัวเอง เช่นเดียวกับจีน ที่เห็นว่า การประชุม UNSC เป็นการก้าวก่ายกิจการภายในอิหร่าน

ขณะที่ เอธิโอเปีย คูเวตและสวีเดน สงวนท่าทีในเรื่องนี้  อังกฤษและฝรั่งเศส ย้ำว่า อิหร่านต้องเคารพสิทธิของผู้ประท้วง อย่างไรก็ดี เอกอัครราชทูตอิหร่านมองว่า การประชุมนี้เป็นการเสียเวลา UNSC ควรให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์หรือสงครามในเยเมนแทน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อิหร่าน มองว่า เหตุการณ์ประท้วงครั้งนี้เป็นแผนการของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ CIA อิสราเอล และซาอุดีอาระเบีย ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ของอิหร่านได้จัดการชุมนุมต่อเป็นวันที่ 3 พร้อมกับตำหนิการกระตุ้นความรุนแรงว่าเป็นฝีมือของกลุ่มอนุรักษ์นิยม แต่กลุ่มดังกล่าวปฏิเสธ โดยระบุว่า ประธานาธิบดีรูฮานีต้องให้ความช่วยเหลือคนจนมากกว่านี้

วันเดียวกัน นายเซอร์เก รยาบคอฟ รมช.ต่างประเทศของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ กล่าวหาสหรัฐฯ ว่า แทรกแซงกิจการภายในอิหร่านอย่างออกนอกหน้าทั้งในทางเปิดและทางลับ ซึ่งรัสเซียมองว่า เป็นการโจมตีอำนาจอธิปไตยของรัฐอื่น ภายใต้ข้ออ้างว่ามีความกังวลเกี่ยวกับประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่สามารถยอมรับได้และไม่คู่ควรกับการเป็นประเทศมหาอำนาจ

ทีมต่างประเทศ

CR:AFP