ความคืบหน้าการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบนาฬิกาหรู และแหวนเพชร ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวน 4 ราย มาให้ปากคำแล้ว เป็นภาคเอกชนทั้งหมด แต่ไม่ขอยืนยันว่า 1 ในนั้น คือนายวิชัย ศรีวัฒนประภา มหาเศรษฐีของไทยและเจ้าของบริษัทคิงเพาเวอร์รวมอยู่ด้วยหรือไม่ โดยการดำเนินการสอบสวนจะเริ่มในสัปดาห์หน้า มีทั้งที่ออกไปสอบถามภายนอก และเชิญมาให้ข้อมูลต่อ ป.ป.ช. กับมีหนังสือไปยังพล.อ.ประวิตร ให้ชี้แจงเพิ่มเติมภายใน 15 วัน อย่างไรก็ตาม นายวรวิทย์ ไม่เปิดเผยว่าพล.อ.ประวิตร ชี้แจงที่มาของแหวนและนาฬิกาว่าอย่างไร แต่เปิดเผยว่า มีการชี้แจงที่มาของทุกเรือนตามที่ปรากฎในข่าวคือ 15 เรือน ส่วนจะเชิญบริษัทนำเข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความจำเป็น แต่คดีนี้ไม่ได้มีความซับซ้อน ยืนยันว่า จะตรวจสอบทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องทั้งการได้มาของทรัพย์สินและหนี้สิน และรายได้ที่เพิ่มขึ้นหลังดำรงตำแหน่งทั้งรัฐบาลปัจจุบันและรัฐบาลที่ผ่านมา ขอให้ประชาชนมั่นใจ เพราะ ป.ป.ช. ยึดมั่นในการทำงานที่ซื่อสัตย์เป็นธรรม โดยเฉพาะประเด็นที่ประชาชนสนใจเป็นพิเศษก็จะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว แต่หากพยานหลักฐานที่มีอยู่ไปเกี่ยวเนื่องกับพยานหลักฐานอื่น ที่จะต้องสอบเพิ่มเติม การสรุปผลก็ต้องเลื่อนออกไปอีก จึงไม่สามารถกำหนดกรอบระยะเวลาในการดำเนินการชี้มูลได้
ส่วนกรณีการเช่าเครื่องบินเหมาลำของบริษัทการบินไทย จำกัด มหาชนไปประชุมที่รัฐฮาวาย สหรัฐ ซึ่งเกี่ยวข้องกับพล.อ.ประวิตรด้วยนั้น ทางคณะกรรมการ ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแล้ว มีมติไม่รับคดีไว้ดำเนินการเนื่องจากไม่ปรากฏว่ามีการกระทำผิดระเบียบแต่อย่างใด
นอกจากนี้นายวรวิทย์ ยังเปิดเผยความคืบหน้าในคดีต่างๆที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เช่นคดีสินบนโรลสรอยส์ ว่าขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งเป็นข้อมูลจากต่างประเทศที่ต้องใช้ระยะเวลา ทั้งส่วนของ บริษัทการบินไทยและปตท. ซึ่งมีความคืบหน้าไปมากกว่าครึ่งแล้ว
ส่วนคดี โครงการจัดหาที่ดินเพื่อปลูกปาล์มและผลิตน้ำมันปาล์ม ในประเทศอินโดนีเซีย 5 โครงการ ของ บริษัท ปตท. กรีนแอนเนอยี จำกัด ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายมหาศาล ได้มีการประสานความร่วมมือกับประเทศอินโดนีเซียแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ปี 2561
ขณะที่คดีการอนุมัติให้บริษัทเอกชนเข้าใช้ที่ดินสาธารณะป่าห้วยเม็ก อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริง ว่าการดำเนินการของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกระทำการโดยมิชอบหรือไม่
และคดีเงินทอนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในโครงการเงินอุดหนุนการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด ปี 2555-2558 นั้น มีการส่งเรื่องร้องเรียนมายัง ปปช.ทั้งสิ้น 133 วัด ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนไปแล้ว 12 วัด ส่วนอีก 120 วัด อยู่ระหว่างการตรวจสอบ มีการชี้มูลความผิดไปแล้ว 1 วัด คือวัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งมีการดำเนินการชี้มูลเพิ่มเติมอีก 1 วัด ซึ่งจะมีการแถลงความคืบหน้าอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
...
ผสข.ปิยะธิดา เพชรดี