ภาคตะวันออกของสหรัฐฯ เผชิญสภาพอากาศหนาวเย็นจัด ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 9 ราย ผู้ว่าการมลรัฐฟลอริดา จอร์เจีย นอร์ทแคโรไลนา และเวอร์จิเนีย ประกาศภาวะฉุกเฉิน พร้อมเตือนประชาชนเพิ่มความระมัดระวังอุณหภูมิที่จะลดต่ำถึงระดับเยือกแข็ง และอันตรายจากการใช้ถนน โดยพื้นที่ที่อยู่ในเขต เตือนภัยพายุหิมะคือ ตั้งแต่รัฐเมนถึงเวอร์จิเนีย หรือเขตนิวอิงแลนด์ ซึ่งจะเกิดปรากฏการณ์บอมโบเจเนซิสเอฟเฟกต์ หรือการที่มีพายุก่อตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรง ขณะที่มวลอากาศขั้วโลกจะยังคงปกคลุมฝั่งตะวันออกราว 2 ใน 3 ของสหรัฐไปจนถึงปลายสัปดาห์นี้ สนามบินในเซาท์แคโรไลนาและจอร์เจียประกาศงดให้บริการ และเมืองแทลลาแฮสซี ของรัฐฟลอริดามีหิมะตกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2532
ส่วนในยุโรป อิทธิพลจากพายุเอเลนอร์ทำให้ผู้เสียชีวิตทั้งในสเปนและฝรั่งเศส กับทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก สนามบินและการเดินรถไฟงดให้บริการชั่วคราว ทางการเบลเยียมและสเปนประกาศเตือนภัยในระดับสีส้ม
กลุ่มผู้นำปาเลสไตน์ ประกาศว่าจะไม่ยอมให้สหรัฐขู่กรรโชก หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ขู่ว่าตัดความช่วยเหลือปาเลสไตน์มูลค่าปีละประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยิ่งเพิ่มความตึงเครียดระหว่าง 2 ฝ่ายที่อยู่ในระดับสูงนับตั้งแต่ ประธานาธิบดีทรัมป์รับรองนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
โฆษกของประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส แห่งปาเลสไตน์ เปิดเผยว่า ปาเลสไตน์ไม่คัดค้านการเจรจา แต่การเจรจาต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและการหาทางออกที่ยอมรับความเป็นรัฐอิสระของปาเลสไตน์อันมีนครเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวง
ด้านอิสราเอลเริ่มดำเนินการตามแผนเพื่อบังคับให้ผู้อพยพชาวแอฟริกันประมาณ 38,000 คนออกนอกประเทศในเดือนเมษายน โดยชาวแอฟริกันซึ่งส่วนใหญ่มาจากเอริเทรียและซูดาน เป็นผู้เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายจะมีสิทธิ์พักอยู่ในอิสราเอลได้จนถึงสิ้นเดือนมีนาคมเท่านั้น
ที่อิหร่าน เว็บไซต์กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติว่า กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติได้เข้าแทรกแซงสถานการณ์การชุมนุมต่อต้านรัฐบาล และจับกุมผู้ก่อความวุ่นวายหลายคน ทำให้สามารถประกาศยุติการต่อต้านรัฐบาลได้แล้ว โดยผู้ที่เป็นแกนนำของการปลุกระดมจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับการชุมนุมที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันพฤหัสบดีของสัปดาห์ก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 21 ราย และทางการอิหร่านกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าแทรกแซงกิจการภายในอิหร่าน นายโกลามาลี โคชรู เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติ ยื่นหนังสือถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ระบุว่า สหรัฐฯ แทรกแซงกิจการภายในของอิหร่านอย่างผิดปกติ และกล่าวหาประธานาธิบดีทรัมป์กับรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ เป็นผู้ที่สนับสนุนให้ประชาชนในอิหร่านก่อความไม่สงบและต่อต้านรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ชาวอิหร่านในชุมชนที่ลอสแองเจลิส หรือเรียกว่าย่านเตหะรานจิลิส ร่วมการชุมนุมเพื่อสนับสนุนการต่อต้านรัฐบาลอิหร่าน พร้อมระบุว่า เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทั้งยินดีที่ผู้นำการเมืองสหรัฐฯ สนับสนุนผู้ประท้วงในอิหร่าน
ส่วนที่นครมุมไบ ของอินเดีย มีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มชนชั้นจัณฑาลเป็นวันที่ 5 โดยบางส่วนจุดไฟเผายางรถและปิดถนน โดยการชุมนุมเริ่มขึ้นจากการฉลอง 200 ปีที่จักรวรรดิอังกฤษปกครองอินเดีย ซึ่งในอดีตชนชั้นจัณฑาล ซึ่งเป็นวรรณะต่ำสุดในระบบวรรณะของศาสนาฮินดู เข้าร่วมกับกองทัพอังกฤษต่อสู้กับเปศวากลุ่มผู้นำชนชั้นสูงของสมาพันธ์รัฐอิสระในเมืองปูเน่
อินเดียเตรียมสั่งซื้อขีปนาวุธแบบยิงจากพื้นสู่อากาศบารัคจำนวน 131 ลูกจากอิสราเอล มูลค่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อติดตั้งบนเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของอินเดียที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และจะทำให้อิสราเอลเป็นผู้ค้าอาวุธรายใหญ่ให้แก่อินเดีย โดยมียอดจำหน่ายโดยเฉลี่ย 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
บลูมเบิร์กรายงานว่า ไทยและอินเดียมีความเสี่ยงที่จะถูกสหรัฐฯขึ้นบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองค่าเงิน และจะทำให้ธนาคารกลางทั้งสองประเทศต้องปล่อยให้เงินบาทและเงินรูปีเป็นอิสระมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกล่าวหาว่ากำลังควบคุมค่าเงินเพื่อสนับสนุนการส่งออก โดยขณะนี้ ธนาคารกลางอินเดีย (อาร์บีไอ) ได้แทรกแซงเพื่อควบคุมการแข็งค่าของเงินรูปีเกินกว่ามาตรฐานแล้ว ซึ่งสหรัฐฯจับตามองอยู่ ในปีที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าขึ้นเกือบร้อยละ 10 ขณะที่เงินรูปีได้แข็งค่าขึ้นร้อยละ 6.4 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ
ทั้ง 2 ประเทศยังมีทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นมากที่สุดในบรรดาตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ส่วนทุนสำรองของจีน เกาหลีใต้ และไต้หวันเพิ่มขึ้นน้อยที่สุด และสหรัฐฯได้หารือกับทั้งสามชาติแล้ว และแม้ว่าไทยจะไม่ใช่หนึ่งใน 12 คู่ค้าสำคัญที่สหรัฐฯ มักให้ความใส่ใจแต่อาจถูกตรวจสอบได้หากเงินดอลลาร์แข็งค่ามากขึ้น แต่ก็มีแนวโน้มที่จะถูกเพิ่มเข้าไปในบัญชีจับตามองมากกว่าอินเดีย เพราะได้ดุลบัญชีเดินสะพัดมากในปีนี้ และมีแนวโน้มที่จะถูกจับตามองนานกว่าเล็กน้อย
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศลดลง สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ ปิดที่ 62.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ ปิดที่ 68.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนหุ้นสหรัฐฯ ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือ 25,000 จุดเป็นครั้งแรก ส่วนเอสแอนด์พี500กับแนสแดคทำสถิติสูงสุดตลอดกาล ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 152.45 จุด หรือร้อยละ 0.61 ปิดที่ 25,075.13 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 10.93 จุด หรือร้อยละ 0.40 ปิดที่ 2,723.99 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 12.38 จุด หรือร้อยละ 0.18 ปิดที่ 7,077.92 จุด
...