นายกฯ ยืนยันชี้แจงได้เรื่องซื้อสุนัข เรื่อง2พรรคจับมือกันต้องทำให้ถูก

การซื้อสุนัขพันธุ์บางแก้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของสุนัข ขออย่าให้เป็นเรื่องใหญ่ และยังไม่ได้มอบสุนัขให้ใคร พร้อมชี้แจงที่จ่ายเงินค่าส่วนต่าง เพราะรู้สึกสงสารเมื่อหักลบ ค่าวัคซีน ค่าขนส่ง แล้วก็ไม่รู้จะเหลือเท่าไหร่ และสุนัขจะรอดหรือไม่ก็ยังไม่รู้ เพราะยังตัวเล็กมาก ยืนยัน สามารถชี้แจงได้หมด พร้อมกล่าวด้วยพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีและพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ต้องไปดูสุนัขที่บ้านก่อนว่าเมื่อนำไปแล้วจะเลี้ยงด้วยกันได้หรือไม่

ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ช็อปปิ้งอยู่ที่ประเทศอังกฤษ หลังหลบหนีการฟังคำพิพากษาในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว กว่า 4 เดือน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าอยู่ที่ประเทศอังกฤษจริงหรือไม่ ต้องรอให้ประเทศอังกฤษ เป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล

ส่วนที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมตรี  เสนอให้รัฐบาลเชิญผู้เชี่ยวชาญมาแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำในช่วง 1 ปีสุดท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ทราบปัญหานี้ดีอยู่แล้ว เพราะเคยเป็นรัฐบาลมาก่อน และสมัยที่ดำรงตำแหน่งอยู่ ก็ยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้ พร้อมขอให้แนะนำผู้เชี่ยวชาญมาว่าควรจะต้องมาจากไหน และขอให้เข้าใจบริบทของประเทศไทยว่าเป็นอย่างไร ซึ่งทุกวันนี้อะไรก็เป็นประเด็นการเมืองทั้งหมด

ความคืบหน้าการปฎิรูปประเทศในปีนี้ ยืนยันว่า รัฐบาล ไม่ได้นิ่งนอนใจ กำชับมาตลอด ได้เร่งให้คณะปฏิรูปยุทธศาสตร์ชาติ รีบสรุปแผนแม่บท และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวบรวมและส่งให้กระทรวงไปดูว่าดำเนินการเรื่องใดบ้าง ทั้งหมดจะต้องสอดคล้องกันทั้งแผนปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติ จะได้ตอบคำถามได้ว่าเราจะมีประเทศที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และสอดคล้องกับ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว. ที่อยู่ในการพิจารณาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)  แต่ต้องไปฟังความคิดเห็นของประชาชนในขั้นตอนทางกฎหมายตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ยังให้ คสช. เป็นผู้จัดการแถลงผลงานตรงนี้ คาดว่า ใช้เวลาภายใน1-2 เดือน เพื่อรับทราบโดยทั่วกัน

ส่วนกรณีที่นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสนอให้พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคเพื่อไทย จับมือทวงคืนประชาธิปไตยจากทหาร เพราะไม่เชื่อมั่นปีหน้าจะมีการเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ใช่ทหารมา 3 ปี แล้ว ขออย่ามองว่าอะไรก็ทหาร ต้องไปดูว่าเป็นการสร้างความเกลียดชังต่อทหารหรือไม่ พร้อมระบุว่า คณะรัฐมนตรีก็ไม่ใช่ทหารทั้งหมด แต่มีหลายภาคส่วนรวมอยู่ด้วย ส่วนใครจะจับมือใครหรือพรรคการเมืองใด ก็เป็นเรื่องที่ดีมีอุดมการณ์ที่ถูกต้อง สังคมก็รับได้ไม่ว่าจะเป็นพรรคใด ส่วนผลการสำรวจสมาชิกพรรคการเมืองใหม่  เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการตามกระบวนการให้ถูกต้อง เพราะที่ผ่านมาการจ่ายเงินอุดหนุนพรรคผ่านระบบภาษีทำให้บางคนอาจไม่รู้ว่าตนเองจ่ายสนับสนุนพรรคใด ดังนั้น ขอให้ดำเนินการอย่างชัดเจนและถูกต้อง เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ต้องกลัวว่าสมาชิกพรรคจะหายไปไหน  และสิ่งสำคัญประชาชนกับสื่อต้องช่วยกัน ว่าในวันข้างหน้าต้องการคนแบบไหนเข้ามาบริหารประเทศ ส่วนตัว ยืนยันว่า ไม่สามารถบังคับให้ใครกาบัตรเลือกใครได้ ย้ำว่า ไม่ต้องการให้มองว่าเป็นการต่อสู้ทางการเมือง หรือต้องการมีอำนาจต่อ เพราะเบื่อการใช้อำนาจ ไม่เคยคิดที่มีอำนาจเพื่ออยู่เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ

ที่ผ่านมา ได้ใช้อำนาจทหารกับผู้ใต้บังคับบัญชามากกว่า 30 ปีแล้ว ส่วนความชัดเจนในการประกาศวันเลือกตั้งยืนยันว่าเป็นไปตามโรดแมป ได้ชี้แจงกับต่างประเทศแล้ว เรื่องทั้งหมดจะต้องขึ้นอยู่กับกฎหมายลูก เสร็จเมื่อใด ก็เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งได้ ยืนยันว่า ไม่สามารถสั่งการหรือดึงกระบวนการให้ยืดเยื้อออกไปได้

ส่วนกรณีพรรคการเมืองเตรียมส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำสั่งหัวหน้าคสช. ฉบับที่ 53 / 2560 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นเรื่องกระบวนการของศาล การพิจารณาซึ่งไม่สามารถก้าวล่วงได้แต่ยืนยันว่ากฎหมายทั้งหมดของคสช. ก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี