ประเด็นการเมืองที่ต้องตามต่อในวันนี้ ยังสืบเนื่องมาจากการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่าหากสถานการณ์ความขัดแย้งยังอยู่ในระดับสูง ก็อาจจะไม่มีการเลือกตั้งในปีนี้ ทำให้พรรคการเมืองใหญ่ทั้ง 2 พรรคแสดงความไม่เห็นด้วย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีปฏิบัติตามกรอบการทำงานที่วางไว้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อถือของรัฐบาลและประเทศ
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้คสช. คืนอำนาจให้ประชาชนโดยไม่มีเงื่อนไข และเห็นว่าการที่พล.อ.ประยุทธ์ไม่รับประกันเรื่องวันเลือกตั้งเพราะบ้านเมืองมีความขัดแย้งสูงนั้น ถือเป็นการโยนบาปให้ประชาชน ทั้งที่เป็นความรับผิดชอบของคสช.
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในปี 2561 ว่าหากมีการปลดล็อกการเมืองในช่วงเดือนเมษายน พรรคการเมืองทุกพรรคย่อมต้องใช้ความพยายามสร้างคะแนนนิยมเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง แต่ที่เป็นห่วงคือพรรคการเมืองใหม่ที่ต้องการเวลาทำงานเพื่อให้ประชาชนยอมรับ แต่นักการเมืองที่จะย้ายพรรคจะตัดสินใจในช่วง 90 วันก่อนการเลือกตั้ง
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการทำงานด้านต่างๆ ยังเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับประกาศใช้ ซึ่งขณะนี้ประกาศใช้แล้ว 2 ฉบับคือ ยังเหลืออีก 2 ฉบับคือ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน สนช. (วิปรัฐบาล) ก็ได้รับการยืนยันจาก สนช.ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามกำหนด
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 เปิดเผย ว่า การทำงานต่างๆ ยังเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ยังไม่มีอะไรที่จะเป็นเหตุที่ทำให้ผิดเวลา รวมถึงกฎหมายอีก 2 ฉบับ
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เปิดเผยว่า การพิจารณากฎหมายต้องเป็นไปโดยรอบคอบ การออกกฎหมายต้องคำนึงถึงหลักนิติธรรมและนิติรัฐเป็นสำคัญ สำหรับการทำงานของสนช.ในปี 2561 มีเรื่องสำคัญ คือการพิจารณาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีก 2 ฉบับ และกฎหมายที่ออกตามรัฐธรรมนูญ อาทิกฎหมายการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ
ด้านการดำเนินโครงการรัฐ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวว่า ขณะนี้การลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เริ่มมีการลงทุนและการก่อสร้าง โดยมีเป้าหมายดำเนินโครงการเมืองสมาร์ทซิตี้ ซึ่งต้องไปดูกฎหมายว่าจะเปิดช่องให้ทำอย่างไรได้บ้าง และขอให้เข้าใจว่าไม่ได้ไปเอื้อประโยชน์ต่อใคร เพราะคนที่ได้ประโยชน์คือประชาชน รัฐบาลก็ได้ประโยชน์ เอกชนก็ต้องได้ประโยชน์ เพราะไม่มีใครที่อยากทำกิจการที่ไม่มีผลกำไร นอกจากนี้ในปี 2561 ขอฝากทุกคนให้ช่วยดูแลเรื่องการท่องเที่ยว โดยในปี 2560 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทย 35 ล้านคน ทำให้ประชาชนมีรายได้
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่าในปี 2561 จะเป็นปีที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ เศรษฐกิจไทยจะเฟื่องฟูขึ้น เป็นปีแห่งการขจัดความยากจน ผลักดันเม็ดเงินลงฐานราก กระจายรายได้ลงชุมชน โดยใช้ทั้งภาคการท่องเที่ยวและการเกษตร เป็นกลไกสำคัญเพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำกฎหมายท้องถิ่น เพื่อเดินหน้าการเลือกตั้งท้องถิ่น ว่าได้เสนอความเห็นเรื่องคุณสมบัติของผู้บริหารท้องถิ่นให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 2560 ไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว และกฤษฎีกาจะเป็นผู้นำเสนอกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นเข้าสู่ที่ประชุมครม. และถ้ากฎหมายในส่วนนี้ผ่านสนช. ก็จะนำไปสู่การเลือกตั้งท้องถิ่น
...