เกาหลีเหนือวางเป้าหมายพัฒนานิวเคลียร์/ประท้วงอิหร่านมีผู้เสียชีวิตแล้ว15ราย

นายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวถ้อยแถลงประจำปีเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ โดยประกาศว่าจะเร่งพัฒนาโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ให้มีจำนวนมากเพื่อให้เกาหลีเหนือเป็นรัฐนิวเคลียร์ที่สมบูรณ์แบบตามเป้าหมายที่วางไว้ทั้งจะมีการติดตั้งอย่างรวดเร็วเพื่อให้สามารถรับมือการข่มขู่ของสหรัฐ และกล่าวด้วยว่า ปุ่มสั่งการปล่อยนิวเคลียร์อยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา แต่ยืนยันว่าจะใช้อาวุธเหล่านี้ก็ต่อเมื่อเกาหลีเหนือถูกคุกคามเท่านั้น

ส่วนการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ เขาหวังว่านักกีฬาของเกาหลีเหนือจะได้เข้าร่วมในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองพย็องชัง ทางตอนเหนือของเกาหลีใต้ระหว่างวันที่ 9-25 กุมภาพันธ์นี้

พล.ร.อ.ไมค์ มุลเลน อดีตประธานเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐ กล่าวว่า ขณะนี้สหรัฐได้เข้าใกล้สงครามนิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือมากที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา และมีความหวังไม่มากนักที่จะมีการแก้ไขวิกฤติด้วยวิธีทางการทูต โดยปัจจัยสำคัญคือท่าทีของประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ

ความคืบหน้าสถานการณ์การประท้วงต่อต้านรัฐบาลอิหร่านซึ่งเข้าสู่วันที่ 5 และพบการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจปราบจลาจลในหลายเมือง ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 15 ราย ประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ผู้นำอิหร่าน เปิดเผยว่า ชาวอิหร่านมีสิทธิ์เสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล หรือจัดการประท้วงที่จะนำไปสู่การพัฒนาประเทศ แต่ไม่ใช่การใช้ความรุนแรงหรือทำลายสาธารณสมบัติ พร้อมร้องขอให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ ทั้งตอบโต้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าไม่มีสิทธิ์แสดงความเห็นอกเห็นใจชาวอิหร่าน เพราะเป็นผู้มีความเป็นศัตรูของอิหร่านมาตลอด

ทั้งนี้ อิหร่านยังขัดขวางการเข้าถึงสื่อสังคมทั้งอินสตาแกรมและเทเลแกรมแอพพลิเคชั่นส่งข้อความ ที่นักเคลื่อนไหวใช้ในการปลุกระดมให้มีการประท้วงต่อต้านรัฐบาล นายอับดอลรีซา ราห์มานี ฟาซลี รัฐมนตรีกิจการภายในเปิดเผยว่า ผู้ประท้วงจะต้องถูกลงโทษ

โฆษกตำรวจอิหร่านเปิดเผยว่ามีตำรวจถูกยิงเสียชีวิตในระหว่างการควบคุมเหตุประท้วงที่เมืองนาจาฟาบัด ทางภาคกลางของประเทศ รวมถึงยังมีเหตุผู้ประท้วงพยายามยึดที่มั่นของตำรวจและทหารด้วย

ส่วนที่ปาเลสไตน์ ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ เรียกตัวนายฮูซซัม ซอมลอต ผู้แทนองค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ หรือ พีแอลโอ ประจำสหรัฐฯ กลับมาปาเลสไตน์ซึ่งเป็นเวลาเกือบ 1 เดือนหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ รับรองนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งประธานาธิบดีอับบาส ย้ำว่าเยรูซาเล็มคือเมืองหลวงอันเป็นนิรันดร์ของชาวปาเลสไตน์

ที่สหรัฐฯ เกิดเหตุรุนแรงจากอาวุธปืนขึ้นอีกครั้ง เมื่อตำรวจและเจ้าหน้าที่สำนักงานนายอำเภอเขตดักลาส เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด เข้าควบคุมเหตุนายแมตธิว รีห์ล อายุ 37 ปี ส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านที่อพาร์ทเมนท์คอปเปอร์แคนยอน แต่ในขณะที่เจรจาไกล่เกลี่ยชายคนนี้หันมายิงใส่เจ้าหน้าที่กว่า 100 นัด ส่งผลให้นายแซกคารี พาร์ริช ผู้ช่วยนายอำเภอ วัย 29 ปีเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 6 คนบาดเจ็บ ส่วนคนร้ายใช้ปืนกระบอกเดียวกันฆ่าตัวตาย

ส่วนที่มอนเมาต์ เคาน์ตี ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ เป็นเหตุวัยรุ่นชายอายุ 16 ปีใช้อาวุธปืนสังหารพ่อ แม่ พี่สาวและคนรู้จักของครอบครัว รวม 4 ศพ ขณะที่พี่ชายและปู่ของวัยรุ่นผู้นี้หลบหนีออกมาได้ ต่อมาอัยการมอนเมาต์ เคาน์ตี เปิดเผยว่าผู้เสียชีวิตคือ นายสตีเฟน โคโลกี อายุ 44 ปี, นางลินดา โคโลกี อายุ 42 ปีซึ่งเป็นพ่อและแม่ของคนร้าย, นางสาวบริททานีย์ โคโลกี วัย 18 ปี พี่สาว และนางมารี ชูล์ตซ วัย 70 ปี เพื่อนบ้าน จากการตรวจสอบพบว่าปืนไรเฟิลจู่โจมกึ่งอัตโนมัติที่ใช้ในการก่อเหตุ เป็นอาวุธที่มีการจดทะเบียนปืนถูกต้องตามกฎหมาย ในชื่อสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว ส่วนตัวคนร้ายไม่ได้ขัดขืนการจับกุมแต่อย่างใด และสงสัยว่าจะมีอาการทางจิต แต่เขาจะถูกดำเนินคดีในฐานะผู้บรรลุนิติภาวะ ในฐานความผิดฆาตกรรม

ความคืบหน้าเหตุระเบิดซูเปอร์มาร์เก็ต ในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ของรัสเซีย ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 18 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ซึ่งต่อมาผู้ต้องสงสัยคือนายดมิทรี ลุกยาเนนโก อายุ 35 ปี รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ โดยเขาเป็นผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาอาการต่อต้านสังคมมาตั้งแต่อายุ 19 ปี

กระทรวงกิจการภายในอิตาลีเผยว่าในปี 2560 มีผู้อพยพทางทะเลเดินทางเข้าประเทศจำนวนมากกว่า 119,000 คน ซึ่งลดลงราว 1 ใน 3 จากจำนวน 181,000 คน ในปี 2559 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีจำนวนมากที่สุดจนเป็นสถิติใหม่ โดยสาเหตุที่ลดลงเกิดจากการที่ลิเบียสกัดผู้อพยพตามข้อตกลงที่ทำไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยอิตาลีให้คำมั่นว่าจะให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ แลกกับการที่ลิเบียขัดขวางขบวนการค้ามนุษย์

ส่วนการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ที่ฟิลิปปินส์และออสเตรเลีย มีอุบัติเหตุจากการจุดพลุ และดอกไม้ไฟ  โดยที่ฟิลิปปินส์ มีผู้บาดเจ็บเกือบ 200 คนจากอุบัติเหตุพลุ และดอกไม้ไฟ แม้ประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต จะมีคำสั่งควบคุม เพราะการจุดพลุดอกไม้ไฟเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บเป็นจำนวนมากทุกปี และสาธารณสุขฟิลิปปินส์ เตรียมเสนอห้ามใช้พลุดอกไม้ไฟอย่างสิ้นเชิง

ที่ออสเตรเลีย เหตุเกิดขึ้นที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ เมื่อเรือจุดดอกไม้ไฟที่ชายหาดเทอร์ริกัลบีชเกิดเพลิงไหม้ แล้วลุกลามไปติดดอกไม้ไฟจำนวนมาก ส่งผลให้พลุไฟเกิดการปะทุและยิงออกไปรอบทิศทาง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพประชาชนราว 6,000 คนออกจากพื้นที่

เยอรมนีเตรียมบังคับใช้กฎหมายจัดการสื่อออนไลน์ (NetzDG) ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากสภาเมื่อเดือนมิถุนายน 2560 มีสาระสำคัญคือผู้ดูแลเว็บไซต์สื่อสังคมต้องลบข้อความที่เข้าข่ายเป็นข้อความเกลียดชังทางชาติพันธุ์ ศาสนา และสีผิว รวมถึงข้อความอื่นๆ ที่ผิดกฎหมาย อาทิ ข่าวลวง ภายใน 24 ชั่วโมงที่ได้รับร้องเรียน หากละเลยอาจต้องโทษจ่ายค่าปรับสูงถึง 50 ล้านยูโร หรือราว 1,900 ล้านบาท

....