+++พลตำรวจตรีชัช สุกแก้วณรงค์ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวงมอบนโยบายให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา และปล่อยแถวขบวนรถวิทยุตำรวจทางหลวงพร้อมขับเคลื่อนการรณรงค์ปีใหม่ปลอดภัย ย้ำขอความร่วมมือประชาชน ขับช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัด โดยกล่าวถึงมาตราการความพร้อมในการอำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา ช่วงปีใหม่ว่า ในช่วง 7 วันอันตรายระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2560 ถึง 3 มกราคม 2561 จะมีปริมาณรถคับคั่ง ซึ่งได้วางมาตราการไว้ 3 มาตรการ 1.ให้บริการประชาชน จัดจุดพักรถตามสถานีทางหลวงทั่วประเทศ 198 หน่วย เพื่อให้ประชาชนที่เหนื่อยล้าได้พักรับประทานอาหาร ของว่าง น้ำดื่มได้ เข้าห้องน้ำ 2. ป้องกันลดอุบัติเหตุบนถนน โดยมีการจัดทำป้ายเตือนจุดเสี่ยง ทุกจุดบนทางหลวงทั่วประเทศ 3. การจัดการจราจร อำนวยความสะดวกให้ประชาชนเดินทางได้อย่างปลอดภัย มีการติดตั้งป้ายบอกทางตลอดระยะ เปิดช่องทางพิเศษ รวมถึงมีการใช้กล้องซีซีทีวี ติดตาม ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเจ้าหน้าที่จะประสานกับห้องวิทยุและศปก.ตลอดระยะ พร้อมฝากเตือนให้ประชาชนที่เดินทางเตรียมความพร้อมก่อนขับขี่ และศึกษาเส้นทาง ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างรวดเร็วและคล่องตัว คาดว่า ปีนี้จะมีประชาชนเดินทางออกจากกรุงเทพฯ มากที่สุดประมาณกว่า 4 ล้านคัน โดยมีจุดที่น่าเป็นห่วง คือเส้นทางลำตะคอง ซึ่งการก่อสร้างตอม่อมอเตอร์เวย์ ซึ่งอาจทำให้การจราจรติดขัดบางช่วง รถชะลอตัวหยุดดู จุดดินสไลด์วังน้ำเขียว หลังฝนตกต่อเนื่อง จุดช่องตะโก จ.สระแก้ว เนื่องจากเป็นช่องเนินเขาเส้นทางแคบรถสวนได้เพียง 2 ช่องทาง อาจทำให้การจราจรติดขัดได้ รวมถึงทางโค้งเนินเขาต่างๆ
+++เช้าพรุ่งนี้ 09.00 น. พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และคณะรัฐมนตรี(ครม.) ผบ.เหล่าทัพ เข้าอวยพรปีใหม่ พล.อ. วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประชุมเตรียมข้อมูลในการเดินทางไปประชุมในต่างประเทศของนายกฯในเดือนม.ค.2561 เช่น การประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ม.ค.ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และระหว่างวันที่ 24-26 ม.ค.2561เดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ในโอกาสครบรอบ 25 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย และงานวันสถาปนาสาธารณรัฐอินเดีย ครั้งที่ 69 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย
+++ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเปิดบ้านภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ให้ พล.อ.ประยุทธ์ นำคณะผู้บัญชาการเหล่าทัพ และข้าราชการ เข้าอวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2561 เช่นกัน
+++องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดเผย 10 ประเด็นคอร์รัปชันที่คนไทยยังต้องเฝ้าจับตามอง ประจำปี 2560 ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 2560 – 15 ม.ค. 2561 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น จะเปิดพื้นที่ให้คนที่สนใจ และแฟนเพจองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น ได้ใช้ช่องทางออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก และไลน์ ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น ร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในประเด็นต่าง ๆ เพื่อนำเสนอรัฐบาล ในการร่วมแก้ไขปัญหาต่อไป สำหรับ 10 ประเด็นคอร์รัปชั่นที่ต้องจับตามอง เช่น 1. การทุจริตที่เกี่ยวกับคนใกล้ชิดรัฐบาล ในการแสดงบัญชีทรัพย์สินของรัฐมนตรีตามกฎหมายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) (กรณีแหวนและนาฬิกาหรู) การซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วรถยนต์แบบมือถือ 2. ส่วยภูเก็ต ซึ่งส่วยและสินบนยังเป็นปัญหารุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ 3. คดีเงินทอนวัด ที่เงียบและไม่คืบหน้า โดยมีอัตราสินบนแต่ละครั้งมากถึงร้อยละ 85 อีกทั้งมีผู้เกี่ยวข้องที่เป็นพระชั้นผู้ใหญ่และข้าราชการสำนักพระพุทธศาสนา (พศ.) จำนวนมาก 4. การปฏิรูปตำรวจ เรื่องจากตำรวจเป็นหน่วยงานที่ถูกระบุว่ามีการคอร์รัปชั่นมาก ทำให้ความยุติธรรมในสังคมถูกบิดเบือน แต่ขณะนี้ยังไม่รู้แนวทางการปฏิรูปตำรวจ หรือความคืบหน้าอย่างเป็นทางการ 5. ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับใหม่ มีข้อกังขาเกี่ยวกับบทบาทอำนาจและวิธีปฏิบัติงานที่ลดความเข้มข้นลงหลายประเด็น รวมทั้งการแก้ไขบทเฉพาะกาลเพื่อต่ออายุการดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. ที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
+++จากคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 53/2560 เรื่องการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังให้ฝ่ายกฎหมายของพรรค พิจารณาข้อกฎหมายว่าคำสั่งดังกล่าว มีเนื้อหาใดที่เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งจะทราบผลหลังปีใหม่ว่าจะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ ทั้งนี้การจะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ต้องมีเหตุผลข้อเท็จจริงที่เข้าข่ายยื่นได้ ซึ่งเท่าที่เห็นคำสั่งคสช.แล้วเป็นคำสั่งที่ยาวเป็นพิเศษและเนื้อหาก็ขัดกันในตัว มีความไม่ชัดเจนในหลายเรื่อง ฝ่ายกฎหมายกำลังดูในรายละเอียดถึงผลที่เกิดขึ้น ถ้าเข้าเงื่อนไขที่ขัดรัฐธรรมนูญก็มีความเป็นไปได้ที่พรรคจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ โดยต้องดูว่ากระทบสิทธิของบุคคลหรือไม่ ซึ่งคนที่ได้รับผลกระทบต้องเป็นผู้ยื่น โดยจะดูข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้ศาลพิจารณาได้
+++นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การออกคำสั่งคสช.ครั้งนี้ไม่ใช่ปลดล็อกแต่เป็นการเพิ่มล็อก ทำให้ช้าไปอีก 3 เดือนจนเป็นปัญหากับพรรคใหม่ ในส่วนตัวไม่ติดใจ หากจะมีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นเพราะเป็นประชาธิปไตย ยอมรับการแข่งขันตลอดเวลา แต่ขอให้แข่งขันด้วยการสร้างศรัทธาไม่ใช่เอาเครื่องมือต่างๆ มาทำลายคนอื่น เพราะคำสั่งคสช.ที่ออกมาเหมือนไม่เข้าใจโรดแมปของตัวเอง เท่ากับต้องทำหลายอย่างซ้อนกัน
+++การยื่นอุทธรณ์คดีเพื่อขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยหนักกว่าเดิมคดีวัยรุ่น 7 คน ที่ถูกจำคุกคนละ 12-19 ปี รุมฆ่านายสมเกียรติ ศรีจันทร์ อายุ 36 ปี ชายพิการขายขนมปัง พร้มสั่งชดใช้เงินอีก 5 แสนบาท นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความของโจทก์ เปิดเผยว่า จากคำพิพากษาเป็นที่ชัดเจนว่าจำเลยทั้งหมดร่วมกระทำความผิดทุกคน ตรงนี้ไม่ติดใจเเล้ว เเต่ติดใจประเด็นที่ศาลวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 6โทรศัพท์ไปหาจำเลยที่1เเละ3เเละให้เอาอาวุธมา ตรงนี้ในอดีตเคยเรียกร้องว่า เป็นการกระทำโดยไตร่ตรอง ซึ่งการอุทธรณ์จะนำพฤติการณ์ตรงนี้ ที่ศาลลงโทษที่สุดท้ายเหลือ18 ปี น้อยไป โทษของจำเลยทั้งหมดควรจะประหารชีวิตซึ่งเป็นบทลงโทษสูงสุดในมาตรา 288 จะอุทธรณ์ประเด็นนี้ไป ประเด็นอื่นพอใจหมด จะเเสดงให้เห็นว่ามีการตระเตรียมการก่อเหตุขอให้เพิ่มโทษให้หนักขึ้น ตั้งใจว่าจะยื่นอุทธรณ์ภายใน 2 เดือน อาจจะต้องมีการขอขยายระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์ออกไป เเละเชื่อว่าฝ่ายจำเลยก็จะอุทธรณ์คดีด้วย
+++กรณีที่มีผู้ใช้เฟสบุ๊ค โพสต์รูปจนเกิดเป็นกระแสกรณีพบเด็กชาวซิมบับเว ตกค้างอยู่ในสนามบินนานเกือบ 3 เดือน พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รองผบก.ตม.2 ในฐานะรองโฆษก สตม.และโฆษกบก.ตม.2 แจ้งว่าได้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้วพบว่า เป็นกรณีที่ นาย Muvadi Rodrick พร้อมครอบครัวชาวซิมบับเว เป็นผู้ใหญ่ 4 คน (ชาย 2 หญิง 2) และเด็กจำนวน 4 คน (ชาย 3 หญิง 1 ) วัยตั้งแต่ 2 ขวบ 6 ขวบ7ขวบ และ 11 ขวบ เป็นชาวต่างชาติที่อยู่ในการดูแลของสายการบิน ในเขตอาคารผู้โดยสาร ชั้นในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
+++ชาวต่างชาติกลุ่มดังกล่าว เดินทางเข้าประเทศไทยช่วงเดือนพฤษภาคม 2560 ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และต่อมาได้มาขอเดินทางออกที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2560 โดยสารการบินยูเครน เพื่อเดินทางไปเมืองบาเซโลนา ประเทศสเปน ซึ่งต้องแวะผ่านลำที่เมืองเคียฟ ประเทศยูเครน ซึ่งทางสายการบินพบว่า ผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวไม่มีวีซ่าเข้าประเทศสเปน จึงปฏิเสธการขึ้นเครื่องและสายการบินได้พาคนต่างชาติกลุ่มนี้มาพบเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเพื่อยกเลิกการเดินทาง แต่พบว่าผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวมีสถานะอยู่เกินกำหนด over stay ในไทยถึง 5 เดือน โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีและเปรียบเทียบปรับแล้วไม่สามารถให้กลับเข้าประเทศได้ จึงได้ดำเนินการตามกฏหมายคนเข้าเมือง ให้สายการบินยูเครน รับตัวผู้โดยสารดังกล่าว กลับประเทศ ซิมบับเว ซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิด แต่ปรากฏว่าผู้โดยสารไม่ยินยอมเดินทางกลับซิมบับเว เนื่องจากเกรงอันตรายจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศ
+++ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 กลุ่มผู้โดยสารนี้ได้ซื้อตั๋วเดินทางไปยังประเทศมอลนิโทเรีย โดยผ่านประเทศยูเครน -สเปน-มอลนิโทเรีย เมื่อกลุ่มผู้โดยสารนี้ได้ขึ้นเครื่องจากสุวรรณภูมิ ไปถึงประเทศยูเครนแล้ว แต่ไม่สามารถเดินทางต่อจากประเทศยูเครนไปยังสเปนได้ ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ผู้โดยสารกลุ่มนี้จึงได้ถูกส่งตัวจากยูเครนกลับมายังสุวรรณภูมิโดยกลุ่มผู้โดยสารนี้ยังคงอยู่ในการดูแลของสายการบิน
+++จากนั้นผู้โดยสารได้ยื่นเรื่องขอลี้ภัยไปยังสหประชาชาติ( UN ) และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับสำเนาหนังสือของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถึงอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ มีใจความสำคัญสรุปว่า กลุ่มชาวต่างชาติดังกล่าว เป็นผู้ที่ได้รับการลงทะเบียนผู้แสวงหาที่ลี้ภัย และมีความเสี่ยงประสบภัยในประเทศมาตุภูมิ ซึ่ง UN กำลังดำเนินการในขั้นตอนผู้ลี้ภัยอยู่ โดยยังคงอยู่ในการดูแลของสายการบินเหมือนผู้โดยสารปกติ และไม่ได้ควบคุมในห้อง Detention room ของสายการบินเช่นเดียวกับชาวต่างชาติที่ถูกปฏิเสธผลักดันกลับประเทศ จากการติดตามความคืบหน้า ทราบว่า UN ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล สัมภาษณ์ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการผู้ลี้ภัย โดยคงจะมีการหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามหลักมนุษยธรรมต่อไป
+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปิดที่ 1,752.89 จุด บวก 0.41 จุด มูลค่าซื้อขาย 61,507.53 ล้านบาท ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังเป็นช่วงวันหยุดยาวเทศกาล คาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวไม่มากในช่วงปลายปี
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่นอิปิดบวก 18.52 จุด ปิดที่ 22,911.21 จุด ตลาดหุ้นโตเกียวปิดขยับขึ้นในวันนี้ โดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้
+++สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้ รายงานอ้างพนักงานอัยการเกาหลีใต้ว่าอัยการเสนอให้ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษจำคุกเป็น 12 ปีสำหรับนายลี แจยอง รองประธานบริษัทซัมซุง อิเลคทรอนิกส์และทายาทเจ้าของเครือกิจการซัมซุงวัย 49 ปี ที่ถูกกล่าวหาว่าให้สินบนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยักยอกทรัพย์ ปกปิดรายการทรัพย์สินในต่างแดนและความผิดทางอาญาข้อหาอื่นๆรวมทั้งหมด 5 ฐานความผิด ระบุว่า คำร้องให้ลงโทษจำคุก 12 ปี เป็นไปตามคำขอเดิมที่พนักงานอัยการ เคยเสนอต่อศาลชั้นต้นลงโทษนายลี
+++ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม จำคุกนายลี 5 ปี มีความผิดกรณีให้สินบน 8,820 ล้านวอนแก่นางชอย ซูนซิล เพื่อนสนิทของอดีตประธานาธิบดีปัก กึนเฮ ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีใช้อิทธิพลในฐานะคนใกล้ชิดของผู้นำประเทศในขณะนั้นเพื่อก้าวก่ายการบริหารงานของรัฐบาลทั้งๆที่ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง เป็นต้นเหตุนำไปสู่การมีมติไต่สวนถอดถอนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติและต่อมาศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้มีคำพิพากษาปลดน.ส.ปัก พ้นตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อเดือนมีนาคม
แฟ้มภาพ