1 ปี สนช.ผลักดันกฎหมายเกือบ 300 ฉบับ เร่งบรรจุร่างกม.สำคัญ ม.ค.61

ผลงาน 1 ปีของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.กล่าวว่า ได้เสนอกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.ทั้งสิ้น 334 ฉบับ  ผ่านการพิจารณาในวาระ 3 แล้ว 271 ฉบับ  มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 263 ฉบับ  มีผลบังคับใช้แล้ว 259 ฉบับ ทั้งนี้ การที่มีกฎหมายออกประกาศไม่เท่ากับกฎหมายที่ผ่านวาระ 3 เนื่องด้วยกฎหมายแต่ละฉบับมีการประกาศใช้ในเวลาที่แตกต่างกัน ส่วนกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญขณะนี้ผ่านการพิจารณาของ สนช. 8 ฉบับจากทั้งหมด 10 ฉบับ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว 4 ฉบับ ก็คือ กฎหมายคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญานักการเมือง และ กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน

ส่วน 3 ฉบับที่ผ่านวาระ 3 และอยู่ระหว่างการทูลเกล้าฯ คือ กฎหมายว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน  กฎหมายว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน และกฎหมายวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ  ส่วนกฎหมายที่เหลือจะสามารถเข้าสู่การพิจารณาของสนช.ได้ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคม คือ กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร( ส.ส.)  กฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา( ส.ว.) ส่วนกฎหมายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่ผ่านวาระ 3 ไปแล้ว อยู่ในขั้นตอนของการตั้งกรรมาธิการร่วมหรือไม่ หากไม่มีการตั้งกรรมาธิการร่วมก็นำขึ้นทูลเกล้าฯได้

นายพรเพชร กล่าวว่า สนช.ได้รับเรื่องร้องเรียนในปี 2560 รวมทั้งสิ้น 349 เรื่อง และได้มีการแจ้งกลับไปยังหน่วยงานแล้ว 218 เรื่อง หรือคิดเป็นร้อยละ 60 และคงเหลือเรื่องที่ค้างอยู่ 131 เรื่อง อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ส่วนปัญหาที่ประชาชนร้องเรียนมามากที่สุดคือเรื่องการเมือง  การใช้อำนาจของภาครัฐ  การทุจริต ทั้งท้องถิ่นและส่วนกลาง  และการไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงานยุติธรรม ซึ่งสนช.จะตรวจสอบหากพบว่า หน่วยงานมีความผิดจริงก็จะส่งเรื่องให้องค์กรอิสระดำเนินการต่อไป สำหรับความคืบหน้าการจัดทำกฎหมายเพื่อรองรับการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ให้ดำเนินการใน 1 ปี ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนเมษายน 2561  ขณะนี้ มีกฎหมายหลายฉบับที่อยู่ในชั้นของวิป สนช.ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศ โดยมองว่า จะเป็นกลไกขับเคลื่อนแผนปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ขณะเดียวกัน มองว่า แผนยุทธศาสตร์ชาติควรนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาเพื่อให้การรับรอง เพราะเป็นเครื่องมือสำคัญในการรองรับการทำงานของฝ่ายปฏิบัติในอนาคต

แฟ้มภาพ

ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี