สนช.ถกต่อร่างพรป.ปปช./ผตห.ฆ่าคู่หมั้นเครียดตร.เตรียมฝากขัง/ตูนวิ่งถึงลำปางยอดบริจาค 942ลบ.

22 ธันวาคม 2560, 08:02น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.



+++วันนี้ประชุมกันต่อ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต วาระ 2 และ 3 ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯได้พิจารณาเสร็จแล้ว จำนวน 193 มาตรา มีประเด็นสำคัญคือ มาตรา37/1 ซึ่งกมธ.เสนอให้มีการเพิ่มอำนาจป.ป.ช.สามารถดักฟังข้อมูลทางโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ซึ่งการอภิปรายสมาชิกสนช. ร่วมถึงกมธ.เสียงข้างน้อยหลายคนต่างแสดงความเห็นคัดค้านในประเด็นดังกล่าว นายสมชาย แสวงการ สนช. อภิปรายว่า การให้อำนาจป.ป.ช.สืบค้นข้อมูลทางโทรศัพท์ ไลน์ เฟซบุ๊คได้ ถือว่าอันตราย ต่อสิทธิเสรีภาพประชาชน หากยังเดินหน้าต่อไปจะมีผู้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอย่างแน่นอน



+++นายตวง อันทะไชย สนช. อภิปรายว่า การออกกฎหมายใดๆต้องพึงระวังเรื่องการละเมิดสิทธิเสรีภาพเกินสมควรแก่เหตุ อยากทราบว่าจะมีกลไกใดเข้าไปถ่วงอำนาจดังกล่าวได้ เพราะในอนาคตอาจมีการหยิบยกข้อมูลส่วนตัว เหล่านี้มาอภิปรายทำลายคู่ต่อสู้ทาง การเมืองได้ เหมือนอย่างในอดีตที่เคยให้ อำนาจกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ล้นฟ้า สุดท้ายกลับตกเป็นเครื่องมือ ของนักการเมือง นำมาใช้กลั่นแกล้ง คู่ต่อสู้ทางการเมือง ขอให้พิจารณา อย่างรอบคอบ          พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ประธานกมธ. ชี้แจงโดยยืนยันว่า กมธ.ไม่มีเจตนาทำลายล้างใคร แต่เป็นการทำเพื่อประโยชน์ทางคดี เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาล จึงมีความจำเป็นต้องให้อำนาจส่วนนี้ โดยมีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน ซึ่งการดักฟังข้อมูลทางโทรศัพท์ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งเห็นชอบก็ทำได้



เช่นเดียวกับพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. ในฐานะกมธ.เสียงข้างมาก ที่อภิปรายว่า การใช้คำว่าดักฟังเป็นการสร้างภาพที่น่ากลัว เพราะกมธ.เสียงข้างมากไม่มีเจตนาต้องการล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชนตามรัฐธรรมนูญ เพราะการจะใช้อำนาจดังกล่าวต้องผ่านมติ เห็นชอบจากคณะกรรมการป.ป.ช.ทั้ง 9 คนว่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะขอยื่นอนุมัติต่อศาลหรือไม่ ส่วนข้อมูลที่ได้มาจะใช้เฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีเท่านั้น ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวกับคดีจะถูกทำลายทันที



+++ส่วนความเคลื่อนไหวกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ขยายกรอบเวลา การทำกิจกรรมของพรรคการเมืองตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  ยืนยันว่า คำสั่งดังกล่าวจะทำให้ทั้งพรรคเก่าและพรรคใหม่อยู่ในสถานะเริ่มต้นไปพร้อมกัน  ไม่มีใครได้เปรียบ เสียเปรียบ ไม่เช่นนั้น พรรคเก่าที่มีสมาชิกมีพรรคมีกรรมการบริหารพรรคอยู่แล้วจะได้เปรียบ เพราะเมื่อให้ทำกิจกรรมได้ก็สามารถเดินหน้าได้เลย



+++ด้านนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวว่าในส่วนของกกต.เป็นผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ว่าจะออกมาอย่างไรก็จะคอยดูแลให้การปฏิบัติเป็นไปตามซึ่งถ้าจะขยายเวลาเฉพาะการแจ้งปรับปรุงฐานข้อมูลสมาชิกพรรคส่วนตัวมองว่าก็คงแก้ไขปัญหาไม่ได้ทั้งหมด ส่วนที่มีการท้วงติงว่าเมื่อกฎหมายเพิ่งใช้บังคับแต่ก็ต้องมาแก้ไขด้วยมาตรา44 ควรจะต้องมีผู้รับผิดชอบในการร่างฯกฎหมายหรือไม่นั้นไม่ขอพูด แต่คงไม่ใช่ความผิด และกกต.มาฟังความคิดเห็น ซึ่งหากในวันนั้นมีการแก้ประเด็นอื่นอีกจะส่งผลกระทบไปอีกหลายเรื่องและกระทบถึงโรดแมพการเลือกตั้งแน่



+++กรณีนายรณชัย ปานชาติหรือเก่ง อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าอำเภอหลังสวน จ.ชุมพร ว่าที่เจ้าบ่าวบุกยิงน.ส.นนทิญา ครัวจัตุรัส อายุ 25 ปี เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข รพ.สต.สลุย หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าหมอปอ ซึ่งเป็นว่าที่เจ้าสาวที่กำลังจะแต่งงานกัน เสียชีวิตในบ้านพักข้าราชการนายเชาว์ พ่อหมอปอเปิดเผยว่า ครอบครัวตนรู้จักนายรณชัยมา 6-7 ปี ตั้งแต่นายเก่งกับหมอปอยังเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน ไม่เคยคิดมาก่อนว่านายรณชัยจะฆ่าลูกสาวของตนได้ เพราะทุกเสาร์-อาทิตย์ นายเก่งจะมาหาลูกสาวที่บ้าน ภายนอกมีนิสัยดี พูดจาอ่อนน้อม จนเมื่อต้นปี 2560 นายรณชัยพาผู้ใหญ่มาสู่ขอ โดยขอหมั้นด้วยทองคำ 10 บาทเอาไว้ก่อน และมีกำหนดแต่งงานกับบุตรสาววันที่ 24 ธันวาคม แต่มาก่อเหตุเสียก่อน 



+++ในส่วนของ นายรณชัย หรือเก่ง ผู้ต้องหานั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจคุมตัวไว้ในห้องขัง สภ.สลุย ซึ่งพ.ต.อ.พุฒิพงศ์ พานิชศิลป์ ผกก.สภ.สลุย เปิดเผยว่า ได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ให้เฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา เพราะเกรงว่านายรณชัยจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย เพราะมีอาการเครียด กระสับกระส่าย แต่พอได้กินข้าว นายรณชัยก็สงบขึ้นและนอนหลับได้ แต่เอามือก่ายหน้าผากตลอดเวลาที่ถูกคุมตัว และยังคงไม่มีญาติพี่น้องเดินทางมาเยี่ยม ตอนนี้ตำรวจกำลังเร่งสรุปสำนวน เพื่อนำตัวนายรณชัย ส่งฝากขังศาลจังหวัดชุมพร



+++ที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ถ.สวนผัก พนักงานสอบสวนสน.บางเสาธง ได้นำตัว นายธนากร ภิรมย์ อายุ 23 ปี และ นายณัฐวุฒิ รำพึงกิจ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ซึ่งระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีทำร้ายร่างกาย ลูกสาวคนขับรถแท็กซี่ จากเหตุกลุ่มวัยรุ่นขี่ จยย. มาชนท้ายรถแท็กซี่ของนายกฤตภาส ทำให้คนขี่รถ จยย. เพื่อนผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บ ญาติผู้ต้องหาทั้งสองได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ทำร้ายผู้อื่นในที่สาธารณะ แม้ขณะเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ด้วย แต่ก็ไม่เกรงกลัว จึงเป็นพฤติกรรมอุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง ยกคำร้อง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษธนบุรีต่อไป



+++นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม นำคณะออกวิ่งตั้งแต่เวลา 03.20 น. ในโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยเริ่มออกวิ่งเซทที่ 1 ของวันที่ 52 จากจุดพักที่บริเวณบ้านแม่พร้าว ต.บ้านหวด อ.งาว จ.ลำปาง ไปยังจุดพักสวนสาธารณะบ้านโป่งต.บ้านโป่ง อ.งาว จ.ลำปาง เป็นระยะทาง 19 กิโลเมตร ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นควันออกจากปาก อุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาฯ ซึ่งตูนและคณะต้องสวมใส่เสื้อกันหนาววิ่งตามเส้นทาง โดยมีประชาชนและเด็กนักเรียนชาวดอยออกมายืนพิงกองไฟรอต้อนรับอยู่ที่ริมถนน ล่าสุดยอดเงินบริจาคทะลุไปกว่า 942 ล้านบาทแล้ว

ข่าวทั้งหมด

X