128 ประเทศออกเสียงค้านเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงอิสราเอล

22 ธันวาคม 2560, 07:21น.


ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ 193 ประเทศมีมติปฏิเสธคำประกาศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐเรื่องการรับรองให้นครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลด้วยคะแนนเสียง 128 เสียง สนับสนุนคำประกาศของประธานาธิบดีสหรัฐ 9 เสียงและงดออกเสียง 35 เสียง โดยในร่างญัตติที่ไม่มีผลผูกพันฉบับนี้ ยังระบุให้ถอนคำประกาศรับรอง เพราะเป็นการประกาศที่เป็นโมฆะ จึงต้องถูกยกเลิก





การลงมติในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่ว่าจะตัดงบประมาณความช่วยเหลือให้แก่ประเทศที่ออกเสียงสนับสนุนร่างญัตติ และหลังจากที่มีการประกาศมติที่ประชุม นางนิคกี้ เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติก็แถลงในที่ประชุมทันทีว่าสหรัฐฯจะทำตามคำประกาศของประธานาธิบดีทรัมป์ และว่า สหรัฐฯ จะจดจำวันนี้เอาไว้ ว่าเป็นวันที่สหรัฐฯ ถูกโจมตีในที่ประชุมสมัชชาใหญ่ของสหประชาชาติ จากการที่สหรัฐฯ ใช้สิทธิ์ของตนเองในฐานะประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับการเปิดสถานทูต และสหรัฐฯ ก็จะจดจำไว้เมื่อถึงเวลาที่ได้รับคำร้องขอให้บริจาคเงินช่วยเหลือ หรืออำนาจในทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศเหล่านั้น



นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ประกาศไม่ยอมรับมติของสหประชาชาติ พร้อมแสดงความขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์ ตลอดจนประเทศที่ออกเสียงเคียงข้างอิสราเอล ขณะที่โฆษกของประธานาธิบดีมาหมุด อับบาส แห่งปาเลสไตน์ กล่าวว่า เป็นชัยชนะของปาเลสไตน์



สำหรับ 9 ประเทศที่ออกเสียงสนับสนุนคำประกาศของสหรัฐฯ ได้แก่ สหรัฐฯ อิสราเอล กัวเตมาลา ฮอนดูรัส หมู่เกาะมาร์แชล ไมโครนีเซีย นาอูรู ปาเลา และโตโก



ส่วนในกลุ่ม 35 ประเทศที่งดออกเสียงมีแคนาดา เม็กซิโก กับฟิลิปปินส์



และในกลุ่ม 128 ประเทศที่ออกเสียงสนับสนุนร่างญัตติปฏิเสธการรับรองนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ได้แก่ 14 ประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติยังคงยืนยันมติเดิม ร่วมด้วยกลุ่มประเทศมุสลิมที่เป็นมิตรประเทศที่สำคัญของสหรัฐฯ นอกจากนี้ เยอรมนี และไทยก็อยู่ในกลุ่มนี้



อย่างไรก็ตามมี 21 ประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุม



ทั้งนี้ อิสราเอลมีความพยายามประกาศให้นครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงมาเป็นเวลานานแต่ประชาคมโลกไม่ยอมรับ ทุกประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลจึงเปิดสถานทูตในกรุงเทล อาวีฟ แต่ประธานาธิบดีทรัมป์มีคำสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศเริ่มย้ายสถานทูตไปเยรูซาเล็มแล้ว นอกจากนี้ สมัชชาใหญ่สหประชาชาติแทบไม่เคยเปิดการประชุมฉุกเฉิน แต่การประชุมในครั้งนี้มีขึ้นตามคำร้องขอของกลุ่มอาหรับและมุสลิม ที่ประณามการตัดสินใจของผู้นำสหรัฐฯ ที่ทำให้เกิดเหตุรุนแรงทั้งในอิสราเอลและปาเลสไตน์ นอกจากนี้ยังมีการชุมนุมที่ด้านหน้าของสถานทูตสหรัฐฯ และอิสราเอลในอีกหลายประเทศ 



..


 
ข่าวทั้งหมด

X