+++การประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุลรอง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบงานด้านมั่นคงและกิจการพิเศษ กล่าวว่า ในปีนี้เจ้าหน้าที่เน้นการปฏิบัติบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับ ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงตั้งจุดสกัด รถยนต์ รถจักรยานยนต์ โดยหากพบว่าผู้ขับขี่รายใดมีการดื่มสุราเกินกว่ากฎหมายกำหนด จะมีการยึดรถไว้ชั่วคราว ก่อนที่เจ้าของจะนำเอกสารมาขอรับคืนได้ภายหลัง พร้อมทั้งเพิ่มด่านตรวจ สำหรับปีใหม่นี้ ยังมีการผ่อนผันเรื่องการนั่งท้ายรถกระบะ ซึ่งเป็นตามนโยบายรัฐบาลที่ให้อำนวยความสะดวกกับประชาชน ยกเว้นกรณีมีการกระทำที่ส่อให้เกิดอันตราย เช่น นั่งบนขอบกระบะ หรือ มีการดื่มสุราจนมึนเมา แบบนี้ผ่อนผันไม่ได้
+++ส่วนมาตรการนำร่องสวมหมวกนิรภัย 100 % ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลก่อนจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นในวันที่ 28 ธ.ค.นี้ โดยในช่วงแรกหากเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านพบ ผู้ขับขี่จักรยานยนต์ ไม่สวมหมวกกันน็อคจะมีการว่ากล่าวตักเตือน และไม่ขับขี่ต่อ จนกว่าผู้ขับขี่จะหาหรือนำหมวกกันน็อคมาใส่ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ตำรวจไม่มีอำนาจยึดรถผู้ขับขี่ที่กระทำผิดไม่สวมหมวกนิรภัยได้ แต่หากมีเหตุให้สงสัยว่าผู้ขับขี่มีพฤติกรรมเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายในข้ออื่น ตำรวจก็จะใช้ดุลยพินิจในการตรวจยึดไว้เพื่อทำการตรวจสอบได้
+++ตามกันต่อเรื่องทุจริตเงินทอนวัด 14.00 น. นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. แถลงรายละเอียด โดยได้ให้เจ้าหน้าที่จัดทำแผนผังรายละเอียดของกระบวนการทุจริตเงินทอนวัด และชี้ให้เห็นถึงเส้นทางการโอนเงินด้วย หลังจากที่ ป.ป.ช. ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหานายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (อดีตผอ.พศ.) , นายพนม ศรศิลป์ อดีตผู้อำนวยการ พศ. และนางสาวประนอม คงพิกุล รองผอ.พศ. ร่วมกันทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท พฤติกรรมของนายนพรัตน์ กับพวก เข้าข่ายมีความผิดวินัยร้ายแรงข้อหาทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการพิจารณาลงโทษ และความผิดคดีอาญาป.ป.ช.ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องร้องต่อไป
+++กรณีข้าราชการกระทรวงแรงงาน ร้องเรียนสามีเป็นผู้สูงอายุที่เป็นผู้ประกันตน มาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 ของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ออมเงินชราภาพได้ประมาณ 1 หมื่นบาท เมื่อยื่นขอลาออกและขอเงินคืน ปรากฏว่าเงินส่งไม่ถึงมือจนสืบพบว่าพนักงานประกันสังคมพื้นที่ 3 กทม. เขตดินแดง ยักยอกเงินไปใช้เอง โดยยอมรับว่าทำมาแล้ว 4 ราย และกำลังถูกตั้งกรรมการสอบสวนความผิด ทั้งนี้ ผู้เสียหายยื่นขอเงินคืนเมื่อวันที่ 3 ส.ค.2559 แต่จนถึงใกล้สิ้นปี 2560 ยังไม่ได้รับเงินดังกล่าว
+++พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สั่งการให้สปส.ดำเนินการ 4 ข้อ 1. ให้ไล่ออกพนักงานที่ทำการทุจริต 2. ให้ดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และอาญา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง 3. หามาตรการเยียวยา ผู้เสียหาย 4. สั่งตรวจสอบทั้งระบบว่ามีปัญหาลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นในสำนักงานอื่นทั้งในกทม. และต่างจังหวัดอีกหรือไม่ นอกจากนี้ ยังได้ออกมาตรการป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่หยิบจับเงินโดยใช้ระบบเข้ามาทำหน้าที่ในการจ่ายสิทธิประโยชน์แทน
+++พล.ท.ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จ.นครราชสีมา วันที่ 21 ธ.ค.เป็นประธานในพิธีเริ่มการก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ที่มอหลักหิน ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จากสถานีกลางดง- ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร วงเงิน 425 ล้านบาท กองทัพภาคที่2 ประชุมร่วมระหว่างตำรวจ ทหาร พลเรือน ดูแลความเรียบร้อย
+++ค่าจ้างขั้นต่ำ นายชาลี ลอยสูง รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า คสรท.แสดงจุดยืนการปรับค่าจ้างขั้นต่ำที่คณะกรรมการค่าจ้างจะมีการพิจารณาและประกาศใช้ในปี 2561 ยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการปรับค่าจ้างไม่เท่ากันเพราะไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ที่ควรต้องปรับค่าจ้างเท่ากันทั่วประเทศ และปรับขึ้นตามอัตราค่าครองชีพจากค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท ก็ยังไม่เพียงพอ และหากขึ้นค่าจ้างไม่เท่ากันทั่วประเทศอีกก็ยิ่งไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ ได้สอบถามถึงค่าใช้จ่ายที่ครอบคลุม พ่อ แม่ ลูกรวม 3 คน พบว่ามีรายจ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าเช่าหรือค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าดูแลบุพการี ค่าเทอมลูก ฯลฯ เฉลี่ยทั้งหมดจะต้องจ่ายอยู่ที่ 14,771.40 บาทต่อเดือน และเฉลี่ย 492.38 บาทต่อวัน ซึ่งจากค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท ก็ยังไม่เพียงพอ และหากขึ้นค่าจ้างไม่เท่ากันทั่วประเทศอีกก็ยิ่งไม่ เป็นธรรม จากค่าใช้จ่ายดังกล่าวสรุปค่าเฉลี่ยค่าใช้จ่ายแรงงานครอบครัว 3 คนจะอยู่ที่ 712.3072 บาทต่อวัน
+++ด้านนายอรรถยุทธ ลียะวณิช ประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ค้าและบริการเครื่องอุปโภคบริโภค กล่าวว่า การพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำต้องอยู่ที่คณะกรรมการพิจารณาค่าจ้าง จากข้อเสนอดังกล่าว เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก กระทบต่อนายจ้างขนาดเล็กต้องปิดกิจการ เพราะอยู่ไม่ได้
+++ความเคลื่อนไหวสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนมกราคม ลดลง 35 เซนต์ ปิดที่ 56.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 17 เซนต์ ปิดที่ 63.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่อีกครั้ง ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 140.46 จุด ปิดที่ 24,972.20 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 14.35 จุด ปิดที่ 2,690.16 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 58.18 จุด ปิดที่ 6,994.76 จุด วอลล์สตรีทพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าแพ็คเกจยกเครื่องภาษีของพรรครีพับลิกันจะได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรส และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่วันนี้ วุฒิสมาชิกมีกำหนดลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าว
+++ปัจจัยดังกล่าวช่วยดันให้ราคาทองคำในวันจันทร์ ปิดบวกเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยโดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,265.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++ศาลจังหวัดพระโขนง จำคุก 43 ปี 10 เดือน ปรับ 3 แสนบาท หนึ่งในผู้ต้องหาชาวอเมริกัน คดีฆ่าหั่นศพยัดตู้แช่แข็ง ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ยกฟ้อง คดีนี้ อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายแอรอน โทมัส เกเบล, นายเจมส์ดักลาส อีเกอร์ และนายปีเตอร์ แอนดริว โคลเทอร์ หรือเฮอร์เบิร์ต เครก ลาฟอน ทั้งหมดสัญชาติอเมริกัน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดต่อชีวิต, ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม, ความผิดเกี่ยวกับศพ และข้อหาอื่น จากกรณีเมื่อระหว่างปลายเดือนตุลาคม 2551 ถึงปลายเดือนมกราคม 2559 จำเลยทั้งสามร่วมทำลายศพของนายชาร์ล เอ็ดเวิร์ด ดีทเทิลเซ่น สมาชิกแก๊งปลอมพาสปอร์ต โดยตัดและเลื่อยศพออกเป็นท่อนๆ นำไปใส่ถุงแช่ไว้ในตู้แช่แข็ง เพื่อปิดบังการตาย ในบ้านพักซอยเอกมัย 12 และร่วมกันเคลื่อนย้ายศพไปยังอาคารพาณิชย์ ซอยสุขุมวิท 56
+++ศาลพิพากษาว่าการกระทำของนายปีเตอร์ จำเลยที่ 3 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรม รวมโทษจำคุก 43 ปี 10 เดือน และปรับ 300,000 บาท ส่วนนายแอรอน จำเลยที่ 1 และนายเจมส์ จำเลยที่ 2 ไม่มีผู้ใดยืนยันว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการซ่อนเร้นเคลื่อนย้ายศพ และพยานหลักฐานไม่สามารถบ่งชี้ว่าจำเลยที่ 1-2 ได้ร่วมกันกับจำเลยที่ 3 ในความผิด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์
แฟ้มภาพ