ข่าวเที่ยงครึ่งวัน 12.30 น.
+++เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการอัยการ ระบุ มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดระยอง (ข้าราชการอัยการชั้น ๔) ให้ทรงดำรงตำแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญ (ข้าราชการอัยการชั้น ๕) สำนักงานอัยการภาค ๒ สำนักงานอัยการสูงสุด ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ผู้สนองพระราชโองการ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
+++กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สวนรื่นฤดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เดินทางมาเป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยพล.อ.ประวิตรปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในประเด็นการเมืองเมื่อสื่อมวลชนสอบถามว่า "อยากพูดอะไรหรือไม่" ซึ่งพล.อ.ประวิตรมีสีหน้าเรียบเฉยเมื่อลงจากรถก็ขึ้นห้องประชุมทันที
+++การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช. มีมติเลื่อนการเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามที่คณะกรรมการสรรหาได้สรรหามา 5 คน และจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2 คน หลังติดใจในส่วนของ 2 รายชื่อที่มาจากศาลฎีกาว่า การเลือกนั้นเป็นลงมติโดยเปิดเผยหรือไม่ โดยจะให้ประธานสนช.ทำหนังสือเพื่อสอบถามต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาถึงวิธีการสรรหาผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นกกต.ในส่วนของศาลฎีกาทั้ง 2 คนว่า ได้ดำเนินการคัดเลือกโดยเปิดเผยตามขั้นตอนหรือไม่เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติก่อน จากนั้นจึงค่อยมาตั้งกรรมาธิการฯ เพื่อดำเนินการตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติผู้ที่ได้รับการสรรหาเป็นกกต.ทั้ง 7 คนไปในคราวเดียวกัน.
+++ความคืบหน้า หลังศุลกากรหนองคายคุมตัวชายพี่น้องชาว สปป.ลาว ขณะขับรถยนต์พร้อมธนบัตรมัดเป็นปึกจำนวน 98 ล้านบาท จะผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย และเจ้าหน้าที่ได้ลำเลียงเงินสด 98 ล้านบาท บรรจุกล่องพลาสติกใหญ่ 2 ใบ มายังธนาคารกรุงไทย สาขาหนองคาย เพื่อให้เก็บรักษาเงินทั้งหมดไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุด ล่าสุดชายทั้งสองยอมรับแล้วว่าลักลอบนำเงินบาทออกนอกประเทศ และยอมทำตามระเบียบข้อบังคับทุกประการ ด้วยการขอยุติคดีในชั้นศุลกากร ซึ่งวันนี้ศุลกากรหนองคายจะสรุปสำนวนส่งกรมศุลกากร เพื่อพิจารณาเห็นชอบคำขอยุติคดีในชั้นศุลกากร
+++หลักเกณฑ์ของศุลกากรจะทำการเปรียบเทียบปรับ คนละ 20,000 บาท คืนเงินให้คนละ 2 ล้านบาท นั่นคือ จะปรับทั้งสองคนเป็นเงิน 40,000 บาท คืนเงินให้เป็นเงิน 4 ล้านบาท แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการพิจารณาของกรมศุลกากรว่าจะมีความเห็นเป็นอย่างอื่นหรือไม่ ซึ่งเป็นไปได้ทั้งการเห็นตามหลักเกณฑ์นี้ หรือพิจารณาลงโทษยึดเงินทั้งหมดเข้าหลวง ส่วนระยะเวลาการพิจารณาคดียุติยังไม่สามารถกำหนดวันพิจารณาคดีสิ้นสุดได้ ทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ แต่หากหลบหนีการประกันตัวก็จะถูกดำเนินคดีอาญาทั้งในประเทศไทยและในประเทศ พร้อมริบเงินของกลางทั้งหมด
+++พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า วันนี้ได้เดินทางเข้าสอบปากคำ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในคดีขบวนการรับจ้างติดคุกคดีครูจอมทรัพย์ หรือ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี อดีตข้าราชการครู ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีขับรถชนคนตาย ซึ่งศาลฎีกายกคำร้อง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 โดยเป็นการสอบปากคำพยานคนสุดท้ายก่อนจะสรุปสำนวนส่งฟ้องในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ ยืนยันไม่กดดันในการทำงาน คาดว่าทาง พ.ต.อ.ดุษฎี จะมีเอกสารชี้แจงรายละเอียดในการสอบปากคำ ต่างๆ รวมถึงชี้แจงการทำงานของศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ว่ามีกระบวนการขั้นตอนทำงานอย่างไรบ้าง สำหรับ ครั้งนี้ไม่ได้เป็นการพบกันครั้งแรกกับ พ.ต.อ.ดุษฎี ที่ผ่านก็เจอกันตลอดเช่นที่สำนักงานนตำรวจแห่งชาติ แต่การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อสอบปากคำในฐานะหัวหน้าชุดทำงาน ของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ โดยหลังจากสอบปากคำเสร็จจะดำเนินการประชุมเพื่อสรุปสำนวนอีกครั้งในรูปแบบคณะกรรมการต่อไป
+++ส่วนประเด็นเรื่องข้อมูลการเข้าเครื่องจับเท็จนั้น พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าวว่า ผลรายงานการเข้าเครื่องจับเท็จของนายสับ วาปี ผู้ที่รับว่าเป็นคนขับรถชนคนตาย และนายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง เพื่อนสนิทครูจอมทรัพย์ ที่กระทรวงยุติธรรมมีรายงานว่าทั้ง2คน รับว่ามีการสร้างหลักฐานเท็จ ซึ่งรายงานฉบับดังกล่าวชุดสอบสวน ได้รับหลังจากศาลมีคำสั่งยกคำร้องรื้อฟื้นคดี
+++ศาลอาญา อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีดำ อ.4176/2552 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายจตุพร หรือตู่ พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่น กรณีเมื่อวันที่ 11ต.ค.52 จำเลยได้ขึ้นปราศรัยบนเวที นปช.ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน โดยกล่าวใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์ โจทก์ทำนองว่า ประวิงเวลาในการทำความเห็นเพื่อเสนอสำนักราชเลขาธิการ พิจารณาผู้ที่ร่วมลงรายชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
+++ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือโดยละเอียดรอบคอบแล้วเห็นว่า จำเลยปราศรัยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์เพื่อให้ประชาชนออกมาขับไล่โจทก์ในฐานะเป็นรัฐบาลซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทใส่ร้ายโจทก์ตามฟ้องจริง ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลรอลงอาญานั้น เมื่อพิจารณาเเล้วเห็นว่า ถ้อยคำของจำเลยไม่เป็นการสมควร หมิ่นเหม่กระทบสถาบันจึงไม่มีเหตุรอการลงโทษ เเต่ในชั้นฎีกา จำเลยในยอมรับว่า ได้ปราศรัยถ้อยคำดังกล่าวจริงที่ศาลล่างพิพากษามานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เห็นควรลดโทษบ้าง จึงพิพากษาเเก้ให้จำคุกกระทงละ6 เดือนรวม 2 กระทงเป็นจำคุก 12 เดือน นอกจากที่เเก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
+++ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส 2 ราย ถูกควบคุมตัวโดยตำรวจในเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ท่ามกลางมาตรการจำกัดสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนที่ยกระดับความรุนแรงขึ้นพร้อมๆ กับบทบาทของกองทัพที่เพิ่มขึ้น โดยทนายความที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ กล่าวว่าทั้งคู่อาจได้รับโทษจำคุกถึง 14 ปี โดยทั้ง 2 ถูกจับกุมพร้อมด้วยเอกสารรายงานทางการทหาร รวมถึงแผนที่แสดงภูมิประเทศทางตอนเหนือของรัฐยะไข่ด้านสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำเมียนมา ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลอย่างมากในการจับกุมผู้สื่อข่าว โดยเฉพาะทั้งคู่นั้นถูกจับกุม หลังถูกเชิญไปพบกับตำรวจในเมืองย่างกุ้ง