นายกฯยกกาฬสินธุ์นำร่องพ้นความยากจน/ปฎิรูปการเมือง อย่ากลัวพรรคทหาร/เร่งปปง.คืนทรัพย์สินสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่น

14 ธันวาคม 2560, 07:10น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.



+++การลงพื้นที่จ.กาฬสินธุ์ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พร้อมคณะ นายกฯ เปิดเผยว่า ได้รับการต้อนรับอย่างยอดเยี่ยม ได้เห็นรอยยิ้มและนับเป็นวันหนึ่งที่มีความสุขมาก ปีนี้มีชาวต่างประเทศมาเที่ยวประเทศไทยถึง 34 ล้านคน เชื่อว่าเห็นบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่มีประท้วง ไม่มีข้อขัดแย้ง บ้านเมืองมีเสถียรภาพ มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จ.กาฬสินธุ์เป็นจังหวัดนำร่องในการพัฒนาที่จะนำไปสู่จังหวัดที่หลุดพ้นจากความยากจน และเมื่อได้รับการอนุมัติงบประมาณตามโครงการ ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จด้วย ตั้งแต่เรื่องของอุโมงค์ผันน้ำ เงินงบประมาณ 305 ล้านบาท การอนุมัติงบก่อสร้างเส้นทางคมนาคม 4 ช่องการจราจร จำนวน 3 โครงการ จำนวนงบประมาณ 1,400 ล้านบาท นอกจากนี้ยังอนุมัติงบประมาณการจัดซื้อเครื่องสาวไหมจำนวน 5 เครื่องๆละ 5 ล้านบาท และยังอนุมัติงบประมาณในการปรับปรุงต่อเติมศูนย์การเรียนรู้ รวมทั้งการสานต่อการก่อสร้างเส้นทางสายไหมในประเทศไทยเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงกับต่างประเทศ เพื่อให้เกิดลู่ทางการลงทุน



+++จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ถามประชาชนว่า ในการเลือกตั้งจะเลือกใคร โดยได้รับคำตอบว่า จะเลือกพล.อ.ประยุทธ์ นายกฯจึงตอบกลับไปว่า จะเลือกได้ยังไง ก็ลงเลือกตั้งไม่ได้ แต่วันหน้าเลือกให้ดีก็แล้วกัน พร้อมย้ำว่า ใครจะวิจารณ์ตัวเองก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ขอความเป็นธรรมให้ได้ชี้แจงบ้าง และเดินหน้าการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี การปลดล็อคพรรคการเมือง จะทำตามเวลาที่สมควร

ระหว่างการพูด พล.อ.ประยุทธ์ มีการไอเป็นระยะ รวมทั้งมีเสียงที่แหบแห้ง จึงบอกกับชาวบ้านที่มาต้อนรับว่า ช่วงนี้เป็นหวัดนิดหน่อย แต่ต้องมาให้ได้ ก่อนเดินทางมา 3 วัน ฉีดยามา 3 เข็ม กลัวไม่ได้มาเจอกับพี่น้อง หลายคนอยากให้มา ตัวเองก็อยากมา ก็เป็นแรงส่งให้มาให้ได้ สู้ตายในการที่จะมาแก้ปัญหากับทุกคน



+++คณะกรรมการปฏิรูปการเมืองได้จัดรับฟังความคิดเห็น  ร่างแผนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง  โดยนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์  ประธานคณะกรรมการฯ เสนอแผน 5 ด้าน ประกอบด้วย ด้านแรกการเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ,กลไกการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธีและการรู้จักรักสามัคคีของสังคมไทย เพื่อสร้างบรรยากาศทางการเมืองไม่ให้นำไปสู่ความขัดแย้งในอนาคต,การกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นและการจัดสรรทรัพยากรที่เป็นธรรม , การเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรมเพื่อการปฏิรูปประเทศ และการสร้างรัฐธรรมาธิปไตยซึ่งส่วนใหญ่ เป็นห่วงการทำหน้าที่ของ กกต.ชุดใหม่ว่าจะจะมีความเป็นกลางหรือไม่  เนื่องจากยังมีข้อครหาว่าได้รับการแต่งตั้งจากผู้มีอำนาจในปัจจุบัน และเห็นตรงกันว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะสุจริตเที่ยงธรรม หาก คสช.ไม่สืบทอดอำนาจและลงมาเป็นผู้เล่นทางการเมืองเอง 



+++พล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งชาติ(สปท.) กล่าวระหว่างการแสดงความเห็นเพื่อจัดทำแผนปฏิรูปการเมือง ถึงความกังวลของพรรคการเมืองเกี่ยวกับการตั้งพรรคทหาร ว่าถ้าทหารตั้งพรรคจริงจะคิดว่าได้จำนวนเสียง 25 ที่นั่งหรือไม่ เพราะเท่ากับว่าพรรคทหารต้องส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งครบทั้ง 350 เขต ยังไม่นับรวมปาร์ตี้ลิสต์ ขณะที่เรื่องการสร้างความปรองดองจะมีขึ้นได้หรือไม่ ส่วนตัวยอมรับว่าไม่มั่นใจ แต่เชื่อว่าขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคน และไม่อยากให้กลัวความล้มเหลวไปก่อน เพราะความล้มเหลวจะทำให้รู้ว่าอนาคตควรทำอย่างไร ดังนั้น พรรคการเมืองอย่ากลัวทหาร เพราะผลสุดท้ายประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ ถ้าไม่ชอบทหารก็ไม่ต้องเลือก



+++ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า  มีคนตั้งข้อสงสัยที่ไม่ปลดล็อกการเมืองเพราะกำลังเตรียมการทำอะไรบางอย่าง ทำให้พรรคการเมืองเสียหาย แต่คิดว่าไม่นานความจริงปรากฎว่าจะมีการสืบทอดอำนาจหรือจะตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ 



+++วันนี้ ต้องติดตามหลัง นายวรวิทย์ สุขบุญ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีเพจเฟซบุ๊ก CSI LA โพสต์รูป พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ใส่นาฬิการิชาร์ด มิลล์อีกเรือน ซึ่งเป็นคนละเรือนกับที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ว่า ถ้ามีประเด็นเพิ่มขึ้นมาก็อยู่ในข่ายที่ ป.ป.ช.จะตรวจสอบเพิ่มเติมได้อยู่แล้ว จากการตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินของ พล.อ.ประวิตร ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.ทั้ง 4 ครั้ง ได้แก่ 1.กรณีเข้ารับตำแหน่ง รมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2551 2.กรณีพ้นจากตำแหน่ง รมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 10 ส.ค.2554 3.กรณีพ้นจากตำแหน่ง รมว.กลาโหมครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2555 4.กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2557 ไม่พบว่า พล.อ.ประวิตรเคยแจ้งรายการทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ ที่มีมูลค่าเกิน 2 แสนบาทต่อ ป.ป.ช.



+++ พล.ร.อ.ธราธร ขจิตสุวรรณ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต  แถลงความคืบหน้าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปรามการทุจริตว่า ที่ประชุมกำลังเร่งรัดงาน ซึ่งตกลงกันว่าจะเคาะเนื้อหาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ธ.ค. เพื่อบรรจุเข้าวาระ 2-3 ของ สนช. ส่วนประเด็นเรื่องการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินของนักการเมือง จากร่างเดิมที่ กรธ.เสนอมากำหนดให้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินโดยสรุป พล.ร.อ.ธราธรกล่าวว่า จากที่ กมธ.พูดคุยและแปรญัตติอย่างละเอียด แนวโน้มความเป็นไปได้เนื้อหาการยื่นบัญชีทรัพย์สินมาตรฐานจะไม่หนีจากกฎหมาย ป.ป.ช.ปี 2542 



+++วาระงาน ที่น่าสนใจ นายเมอีร์ ชโลโม (H.E.Mr.Meir Shlomo) เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีในโอกาสเข้ารับหน้าที่  ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล  ด้านรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อเตรียมจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่จังหวัดสุโขทัยและพิษณุโลก ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล



+++ต้องติดตาม หลังนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมกับพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และตัวแทนสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น เพื่อพิจารณาคำร้องขอให้ดีเอสไอถอนอายัด และคืนทรัพย์สินของสหกรณ์คลองจั่น ซึ่งผู้เสียหายชนะคดีแพ่งเมื่อเดือนพ.ย.2559 โดยมีทรัพย์สิน 299 รายการ ประกอบด้วยที่ดินจากทั่วประเทศ เงินสด รถยนต์ มูลค่าทรัพย์สิน 3,800 ล้านบาท  ซึ่งมีชื่อของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสมาชิกสหกรณ์คลองจั่นเป็นผู้ครอบครองว่า ก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้ประสานไปยังสำนักป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) แล้ว แต่ปปง.ได้ส่งเรื่องกลับคืนมาให้ดีเอสไอโดยระบุว่า ทรัพย์ในคดีเพ่งที่กลุ่มสมาชิกสหกรณ์ระบุนั้นเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวพันกับคดีอาญาในคดีฟอกเงิน จึงถือเป็นทรัพย์ในคดีอาญาไม่สามารถถอนอายัดหรือคืนทรัพย์ได้  ดังนั้นใน สัปดาห์หน้าพนักงานสอบสวนจะทำหนังสือหารือไปยังปปง.อีกครั้งว่าจะสามารถใช้ช่องทางตาม พ.ร.บ.กฎหมายฟอกเงินเพื่อนำทรัพย์สินของสหกรณ์มาเยียวยาผู้เสียหายได้หรือไม่  เพราะปปง.มีกฎหมายเฉพาะที่สามารถดำเนินการได้เร็วกว่าโดยที่ไม่ต้องรอคำพิพากษาของศาลจนถึงที่สุด สำหรับคดีนี้พนักงานสอบสวนในคดีไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะคืนของกลางเพื่อเยียวยาสมาชิกสหกรณ์  เนื่องจากจะต้องผ่านกระบวนการพิจารณาทางอาญาก่อน  เพราะการยึดอายัดทรัพย์เป็นการกระทำผิดกฎหมายฐานฟอกเงิน ต้องรอให้ศาลพิจารณาคดีจนถึงที่สุดก่อนจึงจะสามารถคืนของกลางได้

ข่าวทั้งหมด

X