ซาอุ-พันธมิตร ยังโจมตีกรุงซานาของเยเมน/เกาหลีเหนือไม่ยอมเจรจาUN/เฟดขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ0.25

14 ธันวาคม 2560, 05:51น.


ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30น.



+++นายโมฮัมเหม็ด อัลอาเกล เจ้าหน้าที่เรือนจำแห่งหนึ่งทางตะวันออกของกรุงซานา เยเมน พื้นที่ในความควบคุมของกบฏฮูตีว่ามีคนเสียชีวิต 30 ศพหลังเครื่องบินรบของซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรกลุ่มประเทศอาหรับโจมตีทางอากาศ 5 ครั้งไปที่เรือนจำภายในค่ายสารวัตรทหารของฝ่ายกบฏในกรุงซานาเมื่อเช้ามืดวานนี้ ผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำ แรงระเบิดทำให้อาคารหลายแห่งในเรือนจำและบริเวณใกล้เคียงเสียหายอย่างหนัก ผนังกำแพงด้านหนึ่งของเรือนจำถล่มลงมา ทำให้ผู้ต้องขังหลายคนพยายามจะหลบหนี



+++สำหรับซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรให้การหนุนหลังกองกำลังรัฐบาลเยเมนในการสู้รบกับกบฏฮูตี ที่ได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน โดยสหประชาชาติระบุว่ามีคนเสียชีวิตแล้วกว่า 8,670 ศพ บาดเจ็บ 49,960 คน นับตั้งแต่ซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรเข้าไปแทรกแซงในสงครามกลางเมืองของเยเมนในปี 2558 การสู้รบที่ยืดเยื้อมาหลายปีส่งผลให้ประชาชนกว่า 20 ล้านคนในเยเมนประสบปัญหาขาดแคลนอาหารและต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยเร่งด่วน



+++นายเจฟฟรีย์ เฟลท์แมน รองเลขาธิการสหประชาชาติ(ยูเอ็น)ฝ่ายการเมือง ซึ่งไปเยือนเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้วระบุว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีเหนือเห็นตรงกันว่า การหาทางป้องกันไม่ให้เกิดสงครามบนคาบสมุทรเกาหลีเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ก่อนหน้านี้นายเฟลท์แมนไปเยือนกรุงเปียงยาง เมื่อ 4 วันเมื่อสัปดาห์ก่อน เขาได้พบปะกับนายรี ยองโฮ รัฐมนตรีต่างประเทศ นายปัก มยองกุค รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศและเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆของเกาหลีเหนือ เขาได้บรรยายสรุปเรื่องสถานการณ์ในเกาหลีเหนือให้ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้รับทราบ การแถลงข่าวในเวลาต่อมา ยืนยันว่าได้ย้ำให้เกาหลีเหนือ รู้ว่าประชาคมระหว่างประเทศรู้สึกไม่สบายใจมาตลอดเรื่องโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ ไม่ได้ให้คำมั่นอย่างชัดเจนว่าจะยอมเจรจาเพื่อคลี่คลายปัญหานี้หรือไม่



++++เจ้าหน้าทำเนียบขาวรายหนึ่ง ชี้ยังไม่สามารถเปิดเจรจากับเกาหลีเหนือได้ จนกว่าจะปรับปรุงพฤติกรรม ความเห็นที่ก่อคำถามเกี่ยวกับถ้อยแถลงของ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าพร้อมเจรจากับเกาหลีเหนือทุกเวลาและปราศจากเงื่อนไข เกาหลีเหนือแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าไม่ใคร่สนใจเจรจากับสหรัฐฯ จนกว่าพวกเขาจะพัฒนาขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ที่สามารถโจมตีได้ไกลถึงแผ่นดินใหญ่ของอเมริกา บางอย่างที่พวกนักวิเคราะห์มองว่ายังจำเป็นต้องพิสูจน์



+++น.ต.เอดรียน แรนไคน์-แกลโลเวย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯว่า รัฐบาลสหรัฐฯยังเคลือบแคลงใจกรณีประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ประกาศถอนกำลังทหารส่วนใหญ่ออกซีเรีย โดยสหรัฐฯโต้แย้งว่า ยังเร็วเกินไปที่รัสเซียจะประกาศชัยชนะในการทำสงครามกับกลุ่มรัฐอิสสลาม(ไอเอส)ในขณะนี้ ก่อนหน้านี้ นายปูติน ประกาศระหว่างการเยือนฐานทัพฮเมย์มิมของรัสเซียในซีเรียเมื่อวันจันทร์ว่าภารกิจของกองทัพรัสเซียในการสนับสนุนกองทัพซีเรียเพื่อปราบปรามกลุ่มไอเอส ซึ่งนับว่าเป็นกลุ่มติดอาวุธระดับนานาชาติที่ปราบยากที่สุด บรรลุผลสำเร็จแล้วเป็นส่วนใหญ่ สหรัฐฯตั้งข้อสังเกตว่าในปัจจุบัน กองกำลังรัฐบาลซีเรีย มีจำนวนกำลังพลไม่มาก อีกทั้งขีดความสามารถในการรบและอาวุธยุทโธปกรณ์ก็ไม่สูงพอที่จะรักษาความมั่นคงของประเทศได้ในระยะยาว ที่สำคัญกลุ่มไอเอสและนักรบกลุ่มอื่นๆในซีเรียอาจจะฉวยโอกาสรวมกลุ่มกันอีกครั้ง โดยเฉพาะถ้าพวกเขามองว่าปัญหาวิกฤติทางการเมืองของซีเรียยังคงไม่ได้รับการแก้ไขอย่างชัดเจน



+++ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ในวันพุธ(13ธ.ค.) มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 และเป็นครั้งสุดท้ายของปี ร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 1.25 ถึงร้อยละ 1.5  ส่วนคาดการณ์รายไตรมาสของเจ้าหน้าที่เฟด ยังคงประมาณการตามเดิมสำหรับปี 2018 และปี 2019 โดยคาดหมายว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีหน้าและอีก 3 ครั้งในปีถัดไป เหมือนกับที่เคยประมาณการไว้เมื่อเดือนกันยายน คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงคาดหมายว่าเศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวปานกลาง ซึ่งทำให้จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินแบบค่อยเป็นค่อยไป



+++ราคาน้ำมันดิบ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนมกราคม ลดลง 54 เซนต์ ปิดที่ 56.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 90 เซนต์ ปิดที่ 62.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



+++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีอุตสาหกรรม ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 80.63 จุด ปิดที่ 24,585.43 จุด ส่วนราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้น 6.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,248.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์



+++นายปันตาเลออน อัลวาเรซ ประธานสภาผู้แทนราษฎรฟิลิปปินส์ระบุว่า ที่ประชุมร่วมของส.ส.และสว.ฟิลิปปินส์ลงมติอย่างท่วมท้นอนุญาตให้รัฐบาลประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต สามารถขยายระยะเวลาการบังคับใช้กฎอัยการศึกบนเกาะมินดาเนา ทางภาคใต้ของประเทศต่อไปจนถึงสิ้นปีหน้า เพื่อให้กองทัพฯสามารถปราบปรามกลุ่มติดอาวุธชาวมุสลิมหัวรุนแรงและกบฏแนวคิดซ้ายจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคง สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้โดยไม่ต้องขออนุมัติหมายศาล และสามารถกักขังผู้ต้องสงสัยได้โดยไม่ต้องแจ้งข้อหาใดๆ



+++สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่น ที่สัมภาษณ์นายโยชิฮิเดะ ซูกะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นว่า มีเด็กชายคนหนึ่งบาดเจ็บเล็กน้อยหลังชิ้นส่วนหน้าต่างของเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งของหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯหลุดหล่นลงบนลานกีฬาของโรงเรียนชั้นประถมศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดโอกินาวา ทางภาคใต้ของญี่ปุ่น สร้างความเครียดให้ชาวบ้านอีกครั้งหนึ่ง ระบุว่าเรื่องนี้สร้างความไม่สบายใจ ไม่เฉพาะแก่ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้ฐานทัพเรือสหรัฐฯ แต่สร้างความไม่สบายใจให้กับชาวบ้านทั่วทั้งเกาะโอกินาวา เขาตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า อุบัติเหตุเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นด้านหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯประจำเกาะโอกินาวา ระบุในแถลงการณ์ขอแสดงความเสียใจและขออภัยที่สร้างความวิตกกังวลให้กับชาวบ้าน หน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯจะร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นสอบสวนเรื่องนี้ว่าเกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร

ข่าวทั้งหมด

X