หลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์กำลังระบาดอย่างหนัก จนทำให้มีผู้หลงเชื่อและสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมาก กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ตำรวจ191 ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย ชมรมธุรกิจบริการเอทีเอ็ม ประชุมหารือขอความร่วมมือธนาคารในการป้องกัน สืบสวน ติดตามจับกุมคนร้าย พลตำรวจโทสาคร ทองมุณี รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชนจำนวนมาก พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีและขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการตลอดจนวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของกลุ่มคนร้าย เพื่อหามาตรการในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยจะเน้นเรื่องการขอความร่วมมือจากสถาบันการเงิน ด้านการสืบสวน เรื่อง statement รายละเอียดตู้เอทีเอ็ม คำขอเปิดบัญชี คำขอเพิ่มวงเงิน เบอร์บัญชีกรณีที่ทำเอสเอ็มเอสอะเลิท อินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง ไอพีอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง กล้องซีซีทีวีตู้เอทีเอ็ม และตู้ฝากเงินสด นอกจากนี้ มีการหารือขอความร่วมมือจากสถาบันการเงิน แจ้งเตือนลูกค้าให้ระมัดระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย
ด้านนายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข รองผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า สถาบันการเงินรับทราบแล้วว่าจะมีการจัดตั้งศูนย์สืบสวนสอบสวนความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งถือว่าเป็นทิศทางดำเนินงานที่ถูกต้อง แต่ยอมรับว่าสถาบันทางการเงินไม่สามารถอายัดบัญชีใดได้ หากไม่มีการร้องขอตามขั้นตอน หรือถูกดำเนินคดี แต่เบื้องต้นจะพยายามตรวจดูบัญชีที่รับโอน รวมถึงข้อมูลและกล้องซีซีทีวีของทุกธนาคาร นายพงษ์สิทธิ์ ฝากเตือนประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อให้ข้อมูลส่วนตัว เนื่องจากธนาคารมีข้อมูลของลูกค้าอยู่แล้ว รวมถึงที่อ้างว่ามาจากธนาคาร โดยยืนยันธนาคารไม่มีระบบสอบถามข้อมูลลูกค้าแบบเป็นสาธารณะ
สำหรับแผนประทุษกรรมของแก๊งคอลเซนเตอร์ แบ่งเป็น 4 ส่วนสำคัญ คือ ผู้สั่งการ ทีมจัดการโทรศัพท์หลอกผู้เสียหาย ทีมจัดหาบัญชีโดยการติดต่อว่าจ้างหาคนรับจ้างเปิดบัญชี เพื่อรับโอนเงิน และผู้รวบรวมเงินหรือฟอกเงิน ก่อนส่งให้ผู้สั่งการดำเนินการหลอกลวงประชาชน
ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ