+++การดูแลความปลอดภัยช่วงปีใหม่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เตรียมข้อมูลสำหรับกำหนดมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยประชาชนและมาตรการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ช่วงเทศกาลสิ้นปีให้พร้อมประชุมในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ ที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม เน้นให้ประสานข้อมูลร่วมกันในทุกส่วนราชการ พิจารณาใช้ข้อมูลสถิติที่ผ่านมาทั้งด้านอาชญากรรม ข้อมูลเหตุการณ์ก่อความไม่สงบ ข้อมูลอุบัติเหตุและการเสียชีวิตบนท้องถนน ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายและการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ ที่เคยได้รับแจ้งจากประชาชน เช่น การชำรุดของเส้นทางและแสงสว่างที่เป็นจุดเสี่ยงของอุบัติเหตุ ความไม่สมบูรณ์ของรถขนส่งสาธารณะ แหล่งมั่วสุมที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนหรือมีผลกระทบกับความมั่นคง รวมทั้งข้อมูลด้านยาเสพติด เพื่อบริหารจัดการ กำหนดมาตรการเชิงรุกในการดูแลรักษาความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เป็นรูปธรรมช่วงเทศกาลสิ้นปี โดยมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์มากขึ้น
+++พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร กำชับให้ทุกส่วนราชการกวดขันและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง จริงจัง ตั้งแต่ต้นเดือนนี้ เป็นต้นไป โดยเฉพาะต้องป้องกันและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ให้ได้
+++การตรวจสอบการเสียชีวิตของ นายภคพงษ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 หลังจากที่พนักงานสอบสวนและครอบครัว ส่งชิ้นเนื้อให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจชันสูตรเพิ่มเติมตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 พ.ย. เดิมสถาบันฯแจ้งอาจจะใช้เวลา 1 สัปดาห์ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุได้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) กล่าวว่า ในเรื่องนี้คงไม่ไปกดดัน หรือกำหนดระยะเวลาการทำงานของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ขอให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่และดีที่สุด ล่าสุดได้รับรายงานจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ว่า กำลังเร่งดำเนินการ โดยวันศุกร์ที่ 15 ธ.ค. จะสามารถทราบผลได้อย่างแน่นอน
+++พล.อ.อ.ประจิน กล่าวถึง คดีขบวนการปั้นพยานเท็จช่วยนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ว่าวันพุธที่ 13 ธ.ค.นี้ จะมีการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีสำคัญต่างๆ คาดว่าจะทราบรายละเอียดจากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ทั้งหมด หลังจากที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ส่วนการตรวจสอบเรื่องการรื้อคดีและขั้นตอนการช่วยเหลือนางจอมทรัพย์ ตอนนี้การตรวจสอบผ่านมาได้ครึ่งทางแล้ว จากกำหนดกรอบระยะเวลา 1 เดือนต้องแล้วเสร็จ ซึ่งในวันพุธที่ 13 ธ.ค.นี้จะมีการสอบถามประเด็นนี้ในที่ประชุมด้วย
+++สำหรับการเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือกับกระทรวงยุติธรรม จะมี 2 ประเด็นสำคัญ คือ 1.เรื่องการร้องทุกข์ต้องเป็นทางการ เพราะที่ผ่านมาใครเดือดร้อนแล้วมาร้องเรียน กระทรวงยุติธรรมรับไว้หมด ต่อไปเรื่องการร้องเรียนจะรวมอยู่ที่ปลัดกระทรวงยุติธรรมทั้งหมด และ 2.จะมีการบันทึกการร้องเรียนทุกครั้ง ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ดำเนินการไปแล้ว
+++ความคืบหน้าการสอบสวนคดีฟอกเงินจากการอนุมัติเงินกู้ของธนาคาร กรุงไทยให้กับกลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร หลังได้แจ้งข้อกล่าวนายพานทองแท้ ชินวัตรและพวกรวม 4 คน ในความผิดฐานฟอกเงินและสมคบฟอกเงิน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายพานทองแท้ ว่าพร้อมจะส่งคำให้การและเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรได้ในช่วงวันและเวลาไหน
+++อย่างไรก็ตาม ในชั้นการแจ้งข้อกล่าวหาดีเอสไอให้เวลาไปรวบรวมพยาน หลักฐานมาโต้แย้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนภายใน 60 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันศุกร์ที่15 ธ.ค.มีรายงานว่า พนักงานสอบสวนได้รับการประสานอย่างไม่เป็นทางการจากทีมทนายความของนายพานทองแท้ว่า ขณะนี้ยังรวบรวมหลักฐานไม่แล้วเสร็จ จะขอขยายเวลาออกไปอีก 60 วัน คงต้องพิจารณาถึงเหตุผลก่อน
+++กรณีผู้คุมเรือนจำพิเศษกรุงเทพเบิกตัว นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกจากเรือนจำคลองเปรมเมื่อวันที่ 22 พ.ย.เพื่อเดินทางไปศาลอาญา รัชดา ทั้งที่ไม่ใช่วันกำหนดนัดขึ้นศาล พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าเบิกตัวผิดวัน เพราะเกิดความสับสน จำเดือนผิด โดยวันที่ศาลนัดจริงคือวันที่ 22 ธ.ค.นี้ แต่ส่วนตัว ไม่เชื่อจึงได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทราบผลภายใน 30วัน เนื่องจากพบพิรุธหลายประเด็น คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะขอภาพกล้องวงจรปิดจากศาลอาญาเพื่อตรวจสอบย้อนหลังว่าเกิดอะไรขึ้น ได้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดจากเรือนจำคลองเปรม, เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ประจำศาลอาญา รวม 5 คน ยืนยันว่า นายสนธิ ไม่ได้ถูกนำตัวออกนอกเส้นทางเป็นการเดินทางจากเรือนจำไปศาลอาญา และจากศาลอาญากลับเข้าเรือนจำเท่านั้น
+++นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงกรณีมีข่าวว่ามีอาการป่วย หลังลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ จ.ตรัง จนต้องเข้ารับการรักษาตัว ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ว่า ไม่ได้ป่วยเพราะลงพื้นที่ แต่ได้มีอาการไข้สูง ถึง 38.5 องศา ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา จึงรับประทานยาลดไข้ แล้วจึงเดินทางลงพื้นที่ และกลับมาพบแพทย์ ในวันที่ 7 ธันวาคม ซึ้งได้รับการตรวจอย่างละเอียด ทั้งเอ็กซเรย์ อัลตร้าซาวด์ และเจาะเลือดไปตรวจ เหตุที่มาพบหมอ เพราะ 3 ปีก่อน เคยมีอาการในลักษณะเดียวกันนี้ สุดท้ายติดเชื้อในกระแสเลือด หมอจึงได้เตือนไว้ว่า หากมีอาการไข้และหนาวสั่น ให้รีบมาพบหมอ วันนี้ อาการปกติแล้ว จึงขอหมอกลับ เพราะมีนัด แต่หมอยังไม่วางใจ จึงฉีดยา และจัดยาฆ่าเชื้อมาให้รับประทาน ส่วนผลการตรวจเชื้อ ต้องรออีก 3 วัน ขอฝากเตือนทุกคนให้ดูแลรักษาสุขภาพ และตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
+++ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มติเอกฉันท์รับหลักการวาระ 1 ร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ ด้วยคะแนน 186 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง พร้อมตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา จำนวน 17 คน กำหนดแปรญัตติภายใน 7 วัน ระยะเวลาการดำเนินงาน 60 วัน นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ ปี 2548 เกี่ยวกับการเพิ่มอำนาจกระทรวงการคลังในการกู้เงิน และกำหนดวิธีการและกรอบวงเงินในการกู้เงิน เพื่อบริหารสภาพคล่องของเงินคงคลังให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และกำหนดให้อำนาจแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการขยายเวลาการกู้เงิน เพื่อชดเชยการขาดทุนงบประมาณ หรือเมื่อมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ออกไปภายหลังวันสิ้นปีงบประมาณ เพื่อประโยชน์ต่อการบริหารจัดการเงินคงคลัง
+++กรณีที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ตั้งข้อสังเกตถึงการสรรหากกต. ในส่วนของการคัดเลือกที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ที่อาจมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายจากการประชุมลับ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.เปิดเผยว่า ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า การลงคะแนนของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเป็นการลงมติลับหรือเปิดเผย ซึ่งหากเป็นการลงคะแนนลับก็จะถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าเป็นการลงคะแนนด้วยวิธียกมือ ก็ถือว่าเป็นการเปิดเผยเช่นกัน
+++ด้านนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจงว่า การลงคะเเนนคัดเลือกผู้สมควรที่จะได้เป็น กกต.ในที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาดำเนินการขั้นตอนทุกอย่างถูกต้องตามระเบียบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญแล้ว เเละไม่ประสงค์แถลงข่าวชี้แจง เพราะจะกลายเป็นการโต้ตอบไปมา
+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย เคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและจีนออกมาดีกว่าคาด รวมถึงแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นไปด้วย แต่ยังมีแรงกดดันในประเทศจากการขายลดความเสี่ยงก่อนวันหยุดยาว ส่งผลให้ปิดตลาดที่ 1,706.52 จุด เพิ่มขึ้น 3.15 จุด มูลค่าการซื้อขาย 55,822.13 ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ โตเกียว ญี่ปุ่น พุ่งขึ้น 313.05 จุด ที่ 22,811.08 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.
+++ดัชนีฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดวันนี้ที่ 28,639.85 จุด เพิ่มขึ้น 336.66 จุด
+++บรรษัทกระจายเสียงเอ็นเอชเคของญี่ปุ่น รายงานว่ารัฐบาลญี่ปุ่นมีมติว่าการสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะจะมีขึ้นในวันที่ 30 เมษายน 2562 และการสืบทอดราชบัลลังก์ของเจ้าชายนะรุฮิโตะ มกุฎราชกุมาร จะมีขึ้นในวันที่ 1 พฤษภาคมปีเดียวกัน คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้ความเห็นชอบเรื่องนี้ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อเช้า นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่น จะตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งในช่วงต้นปีหน้าเพื่อจัดเตรียมพระราชพิธี
+++ซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 5,700 คน ยังคงเร่งดับไฟป่าในหลายพื้นที่ทั่วทั้งแคลิฟอร์เนียตอนใต้ หลังมีไฟป่าเพิ่มอีก 2 จุดเมื่อวานนี้ มีชาวบ้าน 2 คนถูกไฟคลอกจากเหตุไฟป่าในท้องที่ตอนเหนือของเมืองแซนดีเอโก แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเรื่องลักษณะการบาดเจ็บว่าอาการสาหัสหรือไม่ อาคารบ้านเรือนถูกไฟเผาเสียหาย 20 หลัง พื้นที่ป่าเสียหายแล้ว 1 แสน 41,000 เอเคอร์ในท้องที่แคลิฟอร์เนียตอนใต้และมีการอพยพชาวบ้าน 1 แสน 90,000 คนไปยังที่ปลอดภัย
+++ส่วนในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียคือที่เทศมณฑลเวนทูรา ตัวเลขความเสียหายรุนแรงค่อนข้างมาก คือตลอด 4 วัน มีอาคารบ้านเรือนถูกไฟเผาเสียหายทั้งหมด 439 หลังคา เสียหายบางส่วน 85 หลัง พื้นที่ป่าถูกไฟไหม้เสียหาย 1แสน 15,000 เอเคอร์ มีการอพยพประชาชนราว 1แสน10,000 คนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว อุปสรรคสำคัญของการดับไฟเมื่อวานนี้คือสภาพอากาศแห้งและกระแสลมแรง เจ้าหน้าที่คาดว่ากระแสลมอาจจะแรงเทียบเท่าพายุเฮอร์ริเคนระดับ 1 โดยเฉพาะในท้องที่ภูเขาสูง
แฟ้มภาพ