+++เจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงมันโรเวีย ประเทศไลบีเรีย ยิงกระสุนจริงและแก๊สน้ำตาเพื่อสลายฝูงชนที่ใช้ก้อนหินขวางปาเข้าใส่เจ้าหน้าที่ เพื่อพยายามที่จะแหกด่านหลบหนีออกจากย่านชุมชนเวสต์พอยท์ พื้นที่กักกันโรคอีโบลา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย4คน จากการปะทะกันกับเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคง กองกำลังรักษาความมั่นคงปฏิบัติตามคำสั่งของประธานาธิบดี ใช้เศษไม้และลวดหนามปิดล้อมประชาชน 50,000คน อยู่ภายในเขตชุมชนแออัดแห่งนี้ เนื่องจากพยายามที่จะควบคุมการระบาดของไวรัสอีโบลา ซึ่งตัวเลขผู้เสียชีวิตในแอฟริกาตะวันตกล่าสุด เพิ่มขึ้นเป็น 1,350 ศพแล้ว
+++ด้านกระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม รายงานว่า ชาวไนจีเรีย 2 คน ที่นั่งเครื่องบินจากไนจีเรียและต่อเครื่องที่กาตาร์ ได้ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อนในนครโฮจิมินห์ เนื่องจาก มีอาการเป็นไข้แต่ไม่พบอาการป่วยอื่นๆ ส่วน ผู้โดยสารซึ่งนั่งติดกับชายสองคน เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้เฝ้าสังเกตอาการตัวเอง
+++ส่วนที่พม่า ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของพม่า (CDC) ระบุในคำแถลงที่เผยแพร่บน เฟซบุ๊กว่า ชายชาวพม่าอายุ 22 ปี ถูกนำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลในนครย่างกุ้ง หลังเดินทางกลับมาจากกินี ถึงสนามบินย่างกุ้ง และเชื่อว่าชายผู้นี้ได้เดินทางไปยังไลบีเรียด้วย ล่าสุดได้จัดส่งตัวอย่างที่เก็บจากคนไข้ ไปยังอินเดีย เพื่อทดสอบในห้องแล็บที่นั่นว่าเป็นเชื้ออีโบลาหรือเปล่า กระบวนการนี้จะต้องใช้เวลา 3 ถึง 4 วัน
+++ องค์การแพทย์ไร้พรมแดน ระบุว่า การแพร่ระบาดคราวนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าที่ องค์กรความช่วยเหลือต่างๆ จะสามารถรับมือได้ ขณะที่องค์การอนามัยโลกก็ยอมรับว่าในตอนแรกประเมินขอบเขตการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาระลอกนี้เอาไว้ต่ำเกินไป
+++ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ แถลงการณ์เรียกร้องให้เกิดความพยายามร่วมกันในการกำจัดการก่อการร้ายของกลุ่มญิฮาดในอิรักและซีเรีย หลังจากกลุ่มติดอาวุธมุสลิมสุหนี่ 'รัฐอิสลาม' (ไอเอส: IS) ฆาตกรรมนักข่าวชาวอเมริกัน นายโอบามา แถลงว่า ทั่วทั้งโลกรู้สึกตกใจกลัวกับการฆาตกรรมตัดศีรษะนาย เจมส์ โฟเลย์ นักข่าววัย 40 ปี ซึ่งกลุ่มไอเอสทำการถ่ายวีดีโอและเผยแพร่ลงบนอินเทอร์เน็ต ประธานาธิบดีโอบามา กล่าวชื่นชมนายโฟเลย์ ผู้สื่อข่าวอิสระซึ่งทำให้ร่วมกับทั้งสำนักข่าว โกลบาโพสต์, เอเอฟพี และอื่นๆ ก่อนจะถูกลักพาตัวไปเมื่อ 2 ปีก่อน ว่า เป็นนักข่าวที่ทำงานอย่างกล้าหาญในพื้นที่อันตราย
+++อย่างไรก็ตาม กลุ่มไอเอส กลุ่มหัวรุนแรงยังขู่ที่จะฆ่านายสตีเฟนโสตลอฟฟ์ นักข่าวสหรัฐอีกคนหากประธานาธิบดีโอบามาไม่เปลี่ยนนโยบาย
+++ส่วนสถานการณ์ในอิรัก กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันว่า การโจมตีทางอากาศระลอกใหม่ในภาคเหนือของอิรัก ซึ่งกลุ่มไอเอสขยายพื้นที่ครอบครองและคุกคามเมืองเออบิล เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองของชาวเคอร์ดิสถาน
+++ด้านสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ส่งความช่วยเหลือครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ10 ปี พยายามให้ความช่วยเหลือประชาชนมากกว่า5 แสนคนในภาคเหนือของอิรัก โดยเครื่องบินบรรทุกเต้นท์และอุปกรณ์การทำอาหารต่างๆ ลำหนึ่ง เดินทางถึงเมืองเออร์บิล หวังว่าจะนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ต่างๆ เกือบ 2,500 ตันไปส่งให้ชาวเคิร์ดอิรักในอีก10 วันข้างหน้า
+++ขบวนรถบรรทุกขนสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของรัสเซีย ชุดแรกจากจำนวน270 คันจอดอยู่ใกล้จุดผ่านแดนที่จะข้ามเข้าไปในเขตยูเครนแล้ว โดยกำลังเคลื่อนเข้าสู่เขตศุลกากรระหว่าง2ประเทศที่จุดผ่านแดนพรมแดนเขตโดนเนตสก์เจ้าหน้าที่พรมแดน กล่าวกับสำนักข่าวอิตาร์-ทาสส์ของรัสเซีย ว่า ขบวนรถบรรทุกกำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบด้านศุลกากร ขบวนรถยนต์เหล่านี้มีกำหนดเดินทางเข้าไปยังภาคตะวันออกของยูเครนเพื่อส่งความช่วยเหลือให้พลเรือนที่ติดอยู่ในพื้นที่การสู้รบ
+++ยูเอ็นเอชซีอาร์ ระบุว่า มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัย 1 แสน 90,000 คนภายในยูเครน ขณะที่อีก 1 แสน 97,400 คน อพยพเข้าไปในรัสเซีย, 14,600 คนเดินทางไปโปแลนด์ และ 13,883 คน เข้าเบลารุส
+++นายกรัฐมนตรีเบนจามินเนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ให้คำมั่นว่าจะยังคงเดินหน้าทำสงครามกับกลุ่มหัวรุนแรงในฉนวนกาซาต่อไป กองทัพอิสราเอล แถลงว่าได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศไป92 ครั้ง ตอบโต้การยิงจรวด 137ลูกเข้าใส่อิสราเอลของกลุ่มหัวรุนแรงกลุ่มฮามาส ระบุว่า ภรรยาและลูกของนายโมฮัมเหม็ดเดอีฟ ผู้บัญชาการของฮามาสเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเมื่อวันอังคาร หลังจากที่ทั้ง 2ฝ่ายต่างกล่าวหาซึ่งกันและกันว่าเป็นต้นเหตุให้การเจรจาสันติภาพในกรุงไคโรประเทศอียิปต์ ล้มเหลว
+++ด้านกลุ่มฮามาส เตือนสายการบินนานาชาติและเรียกร้องให้พวกเขาหยุดบินเข้าสู่ท่าอากาศยานเบนกูเรียน ตั้งแต่ 06.00น.(ตรงกับเมืองไทย 10.00น.ของวันพฤหัสบดี)
+++ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ ยังคงตึงเครียด ประธานาธิบดีเบนิโญ อาคิโน ของฟิลิปปินส์ กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วว่า พบเรือสำรวจของจีน 2 ลำในน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาทเรื่องการอ้างสิทธิทับซ้อนในทะเลจีนใต้ ล่าสุดกระทรวงต่างประเทศของจีนระบุในแถลงการณ์ว่า บริเวณดังกล่าวเป็นอาณาเขตของจีน การที่เรือจีนดำเนินการสำรวจจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสม ถูกกฎหมาย และไม่สมควรได้รับการตำหนิที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างจีนและฟิลิปปินส์ยังตึงเครียด จากกรณีฟิลิปปินส์ควบคุมตัวชาวประมงจีนในน่านน้ำที่ทั้งสองประเทศอ้างสิทธิครอบครอง และล่าสุดสถานทูตจีนในกรุงมะนิลาได้ยื่นคำร้องเรียนเกี่ยวกับกรณีการควบคุมตัวชาวจีน 50 คน ที่ต้องสงสัยเป็นแรงงานผิดกฎหมายในฟิลิปปินส์ โดยเรียกร้องให้ทางการฟิลิปปินส์จัดการกับกรณีดังกล่าวอย่างเป็นธรรมโดยทันที
+++กองทัพเรือสหรัฐสั่งปลดทหารเรืออย่างน้อย 34 นาย ที่มีส่วนพัวพันในการทุจริตการสอบคัดเลือก ตำแหน่งผู้ฝึกสอนหน่วยฝึกอบรมด้านนิวเคลียร์ของกองทัพเรือ ในเมืองชาร์ลสตัน รัฐเซาธ์แคโรไลนา ขณะที่ทหารอีก 10 นาย กำลังถูกสอบสวนเป็นคดีอาญา สันนิษฐานว่าการทุจริตดำเนินต่อเนื่องมาอย่างน้อย 7 ปี โดยที่ไม่เคยถูกตรวจสอบ และจำกัดวงอยู่เพียงหน่วยฝึกแห่งนี้เท่านั้น จากการสอบสวนพบว่า ในขบวนการทุจริตครั้งนี้มีทหารที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 78 นาย
+++เจ้าหน้าที่รัฐบาลปากีสถาน เปิดเผยว่า พลเอกราชีล ชารีฟ ผู้บัญชาการกองทัพ เรียกร้องให้รัฐบาลพลเรือนเปิดการเจรจากับผู้ประท้วงหลายพันคนที่ปิดล้อมรัฐสภา เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ ลาออกจากตำแหน่งในข้อหาโกงการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว
+++ตำรวจญี่ปุ่น รายงานว่า เหตุฝนตกหนักทำให้ดินถล่มหลายแห่งแถบชานเมืองฮิโรชิมา มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 39 ศพ รวมถึงเด็กหลายคน และคาดว่าจำนวนจะเพิ่มขึ้นอีก ในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยรวมอยู่ด้วยเสียชีวิตขณะเข้าไปให้ความช่วยเหลือ สถานีโทรทัศน์ฟูจิ รายงานว่า เป็นเหตุดินถล่มครั้งใหญ่มากเท่าที่เคยมีมา การค้นหายากลำบากมาก เนื่องจาก บ้านเรือนประชาชนถูกดินถล่มทับ ทางการเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักอาจเกิดดินถล่มอีก
+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก 3 วันติดทั้งดาวโจนส์และเอสแอนด์พี หลังรายงานการชุมเฟด(minutes)เดือนกรกฎาคม เผยให้เห็นว่าธนาคารกลางแห่งนี้ยังจะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 59.54 จุด ปิดที่ 16,979.13 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 4.91 จุด ปิดที่ 1,986.51 จุด แนสแดค ลดลง 1.03 จุด ปิดที่ 4,526.48 จุด
+++ราคาน้ำมันฟื้นตัวสต๊อกเชื้อเพลิงสำรองสหรัฐฯ ลดลงอย่างมากผิดความคาดหมาย สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึน 1.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 96.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ ปิดที่ 102.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
+++ราคาทองคำ ปรับลดเล็กน้อย จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ตามมุมมองทางบวกต่อเศรษฐกิจ หลังเฟดบอกว่าพบเห็นพัฒนาการในตลาดแรงงาน แต่ก็ยังจะไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายใดๆ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,295.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์