โป๊ปฟรานซิส ยกย่องบังกลาเทศช่วยชาวโรฮิงญา/สื่อสหรัฐฯเผยทำเนียบขาวมีแผนปลดเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน/กลุ่มหนุน-ต้านปธน.ฟิลิปปินส์ ชุมนุมใหญ่

+++สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกเสด็จฯถึงบังกลาเทศแล้ว หลังดำเนินภารกิจทางการทูตในประเด็นอ่อนไหวจากการเยือนเมียนมาก่อนนี้ สมเด็จพระสันตะปาปา มีกำหนดการเยือนบังกลาเทศระหว่างวันพฤหัสบดี-วันเสาร์ โดยกลุ่มชาวมุสลิมโรฮิงญา จะได้เข้าเฝ้าพระองค์ที่กรุงธากา และพระองค์จะทรงนำสวดภาวนาร่วมกับชาวคริสต์ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในศรีลังกา ตามภารกิจสนับสนุนประชาคมโลกในการหาทางออกให้กับชาวโรฮิงญาที่อพยพหนีความรุนแรงจากเมียนมาเข้ามายังบังกลาเทศ  สมเด็จพระสันตะปาปา ยกย่องรัฐบาลบังกลาเทศช่วยแก้ปัญหานี้ทั้งเรื่องการดูแลสภาพความเป็นอยู่และการให้ที่พักพิง เนื่องจากเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่และขอให้นานาชาติช่วยเหลือบังกลาเทศในการแก้ปัญหา พระองค์มีพระประสงค์ที่จะเยี่ยมผู้ลี้ภัยเท่านั้น

+++ศูนย์ภูเขาไฟวิทยาและการบรรเทาภัยพิบัติทางธรณีวิทยาแห่งอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ภูเขาไฟอากุง ยังคงปะทุหนัก พ่นเถ้าถ่านกลุ่มควันหนาทึบต่อเนื่อง และยังตรวจพบการเคลื่อนที่ของหินหลอมเหลวหรือลาวาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าภูเขาไฟอาจระเบิดได้ในเร็วๆ นี้  ทางการบาหลี ประกาศขยายเวลาภาวะฉุกเฉินไปจนถึงวันที่ 10 ธันวาคม และได้จัดศูนย์พักพิงให้กับชาวบ้านใน 8 เขต เช่น เมืองเดนปาซาร์ และบันดุง ขณะที่ มีประชาชนอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงแล้วมากกว่า 43,000 คน   สำหรับภูเขาไฟอากุง เป็นภูเขาที่สูงที่สุดของเกาะบาหลี เคยระเบิดมาแล้วเมื่อปี 1963 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นกว่า 1,500 ศพ บาดเจ็บหลายร้อยคน

+++หลังจากที่สหรัฐฯ เรียกร้องให้ประเทศต่างๆทั่วโลกตัดความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ เนื่องจากเกาหลีเหนือภายใต้การนำของนายคิม จอง-อึน ได้ทำการทดสอบการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปเมื่อเช้าวันพุธ นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยว่า รัสเซียขอปฏิเสธการทำตามสหรัฐฯ เพราะได้ย้ำให้เห็นแล้วว่า การเพิ่มแรงกดดันด้วยการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือไม่เป็นผล การตัดความสัมพันธ์นั้นง่ายเกินไป ปัญหาใหญ่ในขณะนี้คือหาทางแก้ปัญหาเกาหลีเหนือดีกว่ามาตัดสัมพันธ์

+++หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ รายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า ทำเนียบขาว มีแผนที่จะปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน วัย 65 ปีออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างจะตึงเครียดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำรัฐบาลสหรัฐฯ แล้วให้นายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง(ซีไอเอ)ของสหรัฐฯ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯคนใหม่ ส่วนตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง ได้ทาบทามให้นายทอม คอตตัน วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน

+++หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ จะเป็นสื่อมวลชนฉบับแรกที่รายงานเรื่องนี้ แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้อนุมัติในแผนการขั้นสุดท้ายแล้วหรือยัง เพราะถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐบาล นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนม.ค.

+++ด้านนางซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว แถลงว่า นายทิลเลอร์สัน ยังคงปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯต่อไป และคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ยังคงมุ่งหน้าทำงานเพื่อให้ประสบผลสำเร็จในปีแรกของรัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำของประธานาธิบดี ทรัมป์

+++สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ของตุรกี นำผู้โดยสาร107 คน เดินทางมาจากกรุงไนโรบีของเคนยา มีจุดหมายที่กรุงไคโรของอียิปต์ต้องลงจอดฉุกเฉินที่กรุงคาร์ทูมของซูดาน หลังจากผู้โดยสารคนหนึ่งอ้างว่าได้รับอีเมลขู่ว่ามีระเบิดบนเครื่องบิน เมื่อลงจอดฉุกเฉินแล้ว เจ้าหน้าที่ตรวจค้นอย่างละเอียดทั้งเครื่องบินและกระเป๋าสัมภาระ แต่ไม่พบสิ่งน่าสงสัย ผู้โดยสารที่แจ้งกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินว่าได้รับอีเมลขู่ระเบิดเป็นชาวอังกฤษ เจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำ

+++กลุ่มผู้สนับสนุนและกลุ่มผู้ต่อต้านประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์ ชุมนุมใหญ่ หน้าทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงมะนิลา โดยมีตำรวจปราบจลาจลกั้นกลาง กลุ่มสนับสนุนชูป้ายมีคำว่า สนับสนุนรัฐบาลปฏิวัติ ขณะที่กลุ่มต่อต้าน ชูป้ายมีคำว่า ต่อสู้เผด็จการดูเตอร์เต กลุ่มสนับสนุนได้รับอนุญาตให้ชุมนุมอย่างสงบ แต่ฝ่ายต่อต้านถูกตำรวจปราบจลาจลฉีดน้ำแรงดันสูงสกัดไม่ให้เคลื่อนเข้าใกล้ทำเนียบประธานาธิบดี ประธานาธิบดีดูเตอร์เตวัย 72 ปี เตือนเมื่อเดือนก่อนว่า กำลังเตรียมจัดตั้งรัฐบาลปฏิวัติเพื่อยับยั้งความพยายามโค่นเขาลงจากตำแหน่ง นอกจากนี้ยังกล่าวหาสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (ซีไอเอ) ว่าร่วมในแผนสั่นคลอนเขา และเตือนว่าจะคุมขังฝ่ายต่อต้านทุกคนรวมถึงแกนนำกลุ่มคอมมิวนิสต์ด้วย ขณะที่มีเสียงวิจารณ์ว่า นายดูเตอร์เต ย้ำเรื่องจะใช้กฎอัยการศึกมาโดยตลอดเจตนาจะฉุดประเทศกลับเข้าสู่ยุคเผด็จการและต้องการเดินหน้าสงครามปราบปรามยาเสพติดอย่างมีอิสระมากยิ่งขึ้น

CR:CNN