ตำรวจท่องเที่ยว รวบ2คนร้ายชิงทรัพย์ชาวเลบานอน รวมทั้งเครือข่ายโรแมนสแกมที่มีคนไทยร่วมด้วย

30 พฤศจิกายน 2560, 16:54น.


การจับกุมแท็กซี่กรรโชกทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวเลบานอน พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจับนายสุนทร รอดทรัพย์  หลังคืนวันที่ 20 พฤศจิกายน นายสุนทร ก่อเหตุชักชวนนายมูฮัมหมัด มุดดาฟา ดาฮาร์ สัญชาติเลบานอน ให้โดยสารรถแท็กซี่จากบริเวณประตูทางออก 5 ริมถนนวิภาวดีรังสิต ด้านหน้าท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อเดินทางไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะนั้น นายสุนทรได้พานายมูฮัมหมัดขึ้นรถแท็กซี่ ที่มีนายวัชรินทร์ จันทร์อยู่ ผู้ต้องหาอีกราย เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งนายสุนทรได้นั่งรถไปด้วยพร้อมตกลงค่าโดยสารในราคา 1,000 บาท ระหว่างทางนายสุนทรและนายวัชรินทร์ได้เรียกเก็บค่าโดยสารเพิ่มอีก 1,400 บาท แต่นายมูฮัมหมัด ไม่ยินยอมจ่าย ทำให้ทั้งสองคนหยุดรถบริเวณทางยกระดับก่อนเข้าอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และข่มขู่ให้ส่งทรัพย์สินมีค่ามาให้ ซึ่งนายสุนทรได้แย่งเงินสด 400 ดอลลาร์สหรัฐฯและชุดหูฟังไป ทำให้นายมูฮัมหมัด เกิดความกลัวจึงรีบหนีลงจากรถแท็กซี่ ก่อนที่ทั้งสองคนจะขับรถแท็กซี่หลบหนีไป





จากนั้นนายมูฮัมหมัดได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จนเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายสุนทร พร้อมของกลางเป็นชุดหูฟังได้ ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ส่วนนายวัชรินทร์ได้หลบหนีไป และถูกจับกุมตัวได้ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ในอำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาดำเนินคดี โดยแจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์และจากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง2ราย เคยถูกดำเนินประวัติอาชญากรรมหลายคดี เบื้องต้นนายวัชรินทร์ยังคงให้การภาคเสธ วันนั้นตนเป็นเพียงผู้ขับขี่รถแท็กซี่เท่านั้น ซึ่งได้ค่าจ้าง800บาท และที่ขณะนั้นหลบหนี เพราะกลัว



พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ กล่าวว่า  กรณีแบบนี้มีมานานแล้วแต่ไม่ได้รับปราบปราม ระยะหลังกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวร่วมกับกรมการขนส่งทางบก เริ่มระดมกวาดล้างแท็กซี่ที่ทำผิด จึงฝากประชาชนหากพบแท็กซี่ที่อยู่นอกสนามบิน มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมสามารถแจ้งมาได้ที่เบอร์โทร 1155



สำหรับการแถลงข่าวในวันนี้มีตัวแทนจากสถานเอกอัครทูตเลบานอนประจำประเทศไทยเดินทางมาขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีได้



นอกจากนี้ ตำรวจท่องเที่ยวยังจับกุมผู้ต้องหาชายชาวไนเจียเรีย 1 ราย และชาวไทย 6 ราย ในเครือข่ายหลอกลวงแต่งงาน หรือ โรแมนสแกม หลังชายชาวไนจีเรีย มีพฤติการณ์ปลอมเฟซบุ๊ค และไลน์ โดยใช้ภาพชาวต่างชาติหน้าดี เป็นภาพโปรไฟล์  ก่อนจะทักข้อความไปหาหญิงสาวชาวไทย พูดคุยหว่านล้อมทำนองชู้สาว เมื่อผู้เสียหายเชื่อใจก็จะโทรศัพท์ไปขอยืมเงิน รวมถึงใช้วิธีการหลอกลวงว่าจะส่งของมาให้ แต่ต้องเสียค่าดำเนินการเป็นเงินประมาณ 2-4 หมื่นต่อราย ซึ่งมีเหยื่อหลายรายหลงเชื่อโอนไปให้ และมารู้ตัวทีหลังว่าถูกหลอก จากการตรวจสอบยังมีชาวไทยร่วมขบวนการทำหน้าที่เป็นคอลเซนเตอร์พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ สร้างสถานการณ์หลอกผู้เสียหายว่ามีสินค้าหรือพัสดุส่งมาจากต่างประเทศ ซึ่งติดค้างอยู่ที่สนามบิน โดยเหยื่อต้องโอนเงินมายังศุลกากร หรือเจ้าหน้าที่ขนส่ง เพื่อที่จะนำพัสดุออกไปได้  รวมถึงยังทำหน้าที่นายหน้าหาคนเปิดบัญชี,รับจ้างเปิดบัญชี และรับจ้างลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุจริง เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ และข้อมูลคอมพิเตอร์อันเป็นเท็จ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นและประชาชน





พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สามารถจับกุมได้ถึงตัวผู้กระทำผิดที่เป็นชาวผิวสี ซึ่งที่ผ่านมาจะสามารถจับได้แค่ผู้ร่วมขบวนการที่เป็นคนไทยเท่านั้น



ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ 



 

ข่าวทั้งหมด

X