การชี้มูลความผิดผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองร่ำรวยผิดปกติ นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) เปิดเผยว่าตามที่ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับพวกว่าพบทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าว ซึ่งมีรายชื่อของพ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ ผู้กล่าวหาที่ 3 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีมูลความผิดทางอาญาโดยได้กระทำความผิดร่วมกับนายบุญทรง โดยแบ่งหน้าที่การทำงานช่วยเหลือเพื่อประโยชน์ให้กับกลุ่มบริษัทเอกชนจีน ที่ไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ โดยไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่นก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศและประเทศชาติอย่างร้ายแรง
ป.ป.ช.ได้ไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานจากการตรวจพบกระแสการเงินที่เคลื่อนไหวผิดปกติจำนวนมากของพ.ต.วีระวุฒิ โดยเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ได้พิจารณารายงานผลการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่สามารถชี้แจงแหล่งที่มาของทรัพย์สินได้จึงมีมติว่าพ.ต.วีระวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติมีทรัพย์สินมากผิดปกติ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ ได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่ามากกว่า 896 ล้านบาท
โดยทรัพย์สินดังกล่าว ประกอบด้วย เงินฝากธนาคารพาณิชย์ในชื่อพ.ต.วีระวุฒิ อดีตคู่สมรส บุตร เครือญาติและผู้ใกล้ชิด จำนวน 53 บัญชี คิดเป็นเงินรวมมูลค่ามากกว่า 567 ล้านบาท เงินลงทุนในชื่อพ.ต.วีระวุฒิ อดีตคู่สมรส บุตร เครือญาติและผู้ใกล้ชิดจำนวน 6 แห่ง มูลค่ามากกว่า 260 ล้านบาท ที่ดินในชื่ออดีตคู่สมรส บุตร เครือญาติ จำนวน 12 แปลง ในกรุงเทพฯ มูลค่ามากกว่า 57 ล้านบาท ห้องชุดในชื่อเครือญาติ ได้แก่ห้องชุดชื่อศาลาแดง โคโลเนต สีลม กรุงเทพฯ จำนวน 1 ห้อง มูลค่า 6.2 ล้านบาท และ รถยนต์ จำนวน 6 คัน ในชื่อของเครือญาติและผู้ใกล้ชิด มูลค่ามากกว่า 6.3 ล้านบาท
ทั้งนี้ ป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินของพ.ต.วีระวุฒิ รวมมูลค่ามากกว่า 896 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 มาตรา 80 รวมทั้งขอให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อจัดให้มีวิธีคุ้มครองตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254 และ หากไม่สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือได้บางส่วน ให้ขอบังคับคดีเอาทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 83 พ.ร.บ. ป.ป.ช.พ.ศ.2542
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ป.ป.ช. ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว โดยแบ่งเป็นนักการเมือง 5 รายและเจ้าหน้าที่รัฐ 3 ราย อีกด้วย
ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี