ญาติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถตู้ชนรถสิบล้อและถูกไฟคลอกเสียชีวิต 14 ศพ เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืดวานนี้ บนถนนสายเอเชีย อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ทยอยเข้าให้ข้อมูลก่อนขอรับศพผู้เสียชีวิตที่สถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา
สำหรับการอำนวยความสะดวกให้การช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 14 คน สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ได้ตั้งจุดบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับญาติผู้เสียชีวิตที่จะเข้ามาติดต่อรับศพ ที่บริเวณชั้น 1 ของสถาบันนิติเวชฯ รวมทั้งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบเอกลักษณ์ โดยขณะนี้แพทย์ได้พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล และหาสาเหตุการเสียชีวิตได้เสร็จสิ้นแล้ว
พันตำรวจเอกสุพิไชย ลิ่มศิวะวงค์ นายแพทย์ สัญญาบัตร 5 หัวหน้ากลุ่มงานนิติพยาธิ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า จากการชันสูตรพลิกศพทั้งหมด พบเป็นชาย 7 คน หญิง 7 คน โดย 11 ศพเสียชีวิตจากการสำลักควันและขาดอากาศหายใจ ขณะที่ 3 ศพที่เหลือ พบมีอาการบาดเจ็บจากแรงกระแทกอย่างรุนแรง และทราบชื่อจากพนักงานสอบสวนเพียงคนเดียว คือ นายปฐมพันธ์ พันธ์ผล ซึ่งเป็นคนขับรถตู้โดยสาร อย่างไรก็ตามทั้งหมดต้องมีการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ด้วยการเก็บดีเอ็นเอ จากญาติที่มีสายเลือดใกล้ชิด เช่น บิดา / มารดา / บุตร / พี่น้อง นำไปตรวจเปรียบเทียบยืนยันซึ่งจะใช้เวลา 2 วัน ก่อนอนุญาตให้รับศพกลับไปได้
ขณะที่พันตำรวจเอกวาที อัศวุตมางกูร นักวิทยาศาสตร์ สัญญาบัตร 5 หัวหน้ากลุ่มงานตรวจเลือดชีวเคมี เปิดเผยว่า หากญาติของผู้เสียชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศและไม่สะดวกเดินทางมาตรวจพิสูจน์ ก็สามารถประสานงานผ่านสถานฑูต ให้เก็บดีเอ็นเอส่งมาให้สถาบันฯ เปรียบเทียบ และหากทราบผลก็จะแจ้งกลับไปให้มาดำเนินการรับศพต่อไปได้ ซึ่งคาดว่าการติดต่อรับศพทั้ง 14 ราย จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนจึงจะเสร็จสิ้น
สำหรับการเก็บรักษาศพ โดยทั่วไปจะมีการเก็บรักษาไว้ที่สถาบันนิติเวชฯ เป็นเวลา 4 วัน ซึ่งในกรณีนี้ยังไม่มีการประสานจากสถานฑูตให้ช่วยเก็บรักษาไว้เป็นกรณีพิเศษ โดยหลังจากนี้จะพิจารณาส่งไปเก็บรักษาไว้ที่สุสานต่างๆ ที่สถาบันนิติเวชมีการประสานกันอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายต่างๆ เนื่องจากกรณีนี้เป็นกรณีพิเศษ จึงจะยกเว้นค่าบำรุง / ค่ายาฉีดศพ และหากญาติขาดแคลนทุนทรัพย์ ก็สามารถขอโลงศพและรถรับศพจากมูลนิธิต่างๆ เพื่อนำส่งในระยะทาง 150 กิโลเมตรโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
ข่าวทั้งหมด