ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีผู้แสวงบุญชาวมุสลิมในเขตซิไนเหนือของอียิปต์เพิ่มขึ้นเป็น 235 ศพแล้ว และมีผู้บาดเจ็บอีก 109 คน นับเป็นเหตุโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในอียิปต์ยุคใหม่ และจนถึงขณะนี้ยังคงไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุที่เกิดขึ้น แต่ที่ผ่านมาพื้นที่ดังกล่าวตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอสอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นฐานที่มั่นสำคัญของกองกำลังไอเอสที่ยังหลงเหลืออยู่ หลังกองกำลังไอเอสในซีเรียและอิรักถูกกวาดล้างอย่างหนัก ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการโจมตีครั้งนี้นับเป็นการเปลี่ยนยุทธวิธีของกลุ่มหัวรุนแรงในพื้นที่จากเดิมที่มุ่งโจมตีทหาร ตำรวจ และโบสถ์คริสต์ มาเป็นการโจมตีมัสยิดของชาวมุสลิมนิกายซูฟีส์
หลังเกิดเหตุโจมตี รัฐบาลอียิปต์ เรียกประชุมฉุกเฉินทันที ก่อนที่กองทัพอียิปต์จะใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีกลุ่มหัวรุนแรงในเขตเทือกเขารอบเมืองไบร์ อัล-อาเบด ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซีซีแห่งอียิปต์ ระบุว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามขัดขวางทางการอียิปต์ในการปราบปรามการก่อการร้าย และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทางการอียิปต์ต้องเลื่อนกำหนดการเปิดพรมแดนเพื่อข้ามไปยังเขตฉนวนกาซ่า เนื่องจากความวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัย
ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ส่งข้อความในทวีตเตอร์ประณามเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่าโลกไม่สามารถอดทนต่อการก่อการร้ายได้อีกแล้ว และต้องต่อสู้เพื่อเอาชนะกลุ่มก่อการร้ายให้ได้
เช่นเดียวกับรัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศสก็ได้ประณามเหตุที่เกิดขึ้นเช่นกัน และยืนยันว่าฝรั่งเศสจะยืนอยู่เคียงข้างอียิปต์
ทีมต่างประเทศ
CR:www.rte.ie ,BBC