หลังจากที่พลตำรวจตรีสุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม มอบหมายให้พันตำรวจเอกปราโมทย์ อุทากิจ ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อให้ดำเนินคดีกับนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ในข้อหานำสืบและแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาล ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 180 วรรค 2 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 14,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมเตรียมรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับ ล่าสุด มีรายงานว่า ศาลได้อนุมัติออกหมายจับนางจอมทรัพย์ ในข้อหาเบิกความเท็จต่อศาลแล้ว รวมทั้งนายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ตามที่พนักงานสอบสวนยื่นขออนุมัติ ส่วนรายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผย
ทั้งนี้ คำให้การของนายสับ วาปี เชื่อมโยงถึงนายสุริยา ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม กล่าวหานายสุริยา ในข้อหาเบิกความเท็จ โดยไม่ต้องออกหมายเรียก ให้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาลจังหวัดนครพนม ขออนุมัติออกหมายจับได้ทั้ง 2 คน เพราะเป็นผู้บงการสำคัญในขบวนการรับจ้างทำผิดแทน ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาในฐานความผิดต่างๆ จะต้องรอแนวทางการสอบสวนเพิ่มเติม
พ.ต.อ.ชัชวาลย์ แก้วจันดี รองผบก.ภจว.นครพนม ในฐานะโฆษก บก.ภจว.นครพนม กล่าวว่า พล.ต.ต.สุระชัย ควรเตชะคุปต์ รรท.ผบช.ภ.4 แต่งตั้งพนักงานสอบสวน โดยมี รองผบช.ภ.4 เป็นผู้ดูแล และพนักงานชุดสืบสวนโดย ผบก.สืบสวน ภ.4 เป็นผู้ดูแล โดยได้ระดมทำงานเก็บรวบรวมพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง
ส่วนนายสับ อาจจะถูกแจ้งข้อหาเบิกความเท็จเพิ่มเติม เนื่องจากวันที่ 10 มิถุนายน 2557 นายสับได้ไปปรากฏตัวที่ศาลจังหวัดนครพนม ต่อหน้านางจอมทรัพย์ และต่อหน้าทายาทผู้เสียชีวิตในฐานะเป็นผู้ขับรถชนผู้เสียชีวิต นายสับแถลงต่อศาลว่าเป็นผู้ขับรถเฉี่ยวชนผู้เสียชีวิต มิใช่นางจอมทรัพย์ จึงนำเงินมาชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 170,000 บาท ภายหลังนายสับสารภาพว่าได้รับเงินจำนวนดังกล่าวจากนายสุริยา และเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเมื่อวันที่ 23 พ.ย.
แฟ้มภาพ