รองผบ.ตร.ย้ำสตม.ต้องทำงานโปร่งใส กวาดจับต่างชาติหลบเข้าไทยผิดกฎหมาย

24 พฤศจิกายน 2560, 13:31น.


การมอบนโยบายการบริหารราชการ และแนวทางการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ 2561ให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับการทำงาน 8 เรื่องสำคัญ ประกอบด้วย การเรียกรับผลประโยชน์ ไม่ให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเรียกรับผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้นจากชาวต่างชาติที่กระทำความผิดหรืออยู่ในราชอาณาจักรนานเกินกำหนด ,ให้ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งอาชญากรที่แฝงตัวมาในรูปแบบนักท่องเที่ยว ,ให้มีการคัดแยกเหยื่อหรือผู้ต้องหาชาวต่างชาติตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ,ให้รายงานประสิทธิภาพของการใช้ช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติให้ทราบหลังเปิดใช้มาแล้วกว่า 3 เดือน ,ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศรายงานผลการปฏิบัติงาน และปัญหา อุปสรรค ในการปฏิบัติหน้าที่,กำชับให้ตรวจสอบการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เป็นชาวต่างชาติ ตามสถานีตำรวจทั่วประเทศว่ามีการส่งตัวมาดำเนินคดีที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตามระเบียบครบถ้วนหรือไม่ ,ให้เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทุกนายประพฤติตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงสั่งการให้ตรวจสอบความมั่นคงของห้องกักว่าแข็งแรงเพียงพอหรือไม่ และดูแลความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ทั่วประเทศตามหลักสิทธิมนุษยชน หลังจากที่มีชาวอุยกูร์หลบหนีออกจากห้องกัก



ขณะเดียวกันพันตำรวจเอกประวิทย์ ศิริธร ผู้กำกับการกองกำกับการ2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแถลงผลการจับกุมนายอเล็กซานเดอร์ ออเรพิน ,นายอันเดร อาเกเย็ฟ ,นายอีกอร์ เออร์มอคิน และนายบอรีส คลิทอฟ 4 ผู้ต้องหาสัญชาติรัสเซีย หลังได้รับการประสานจากทางการรัสเซียว่ามีผู้ต้องหาตามหมายจับหลบหนีออกนอกประเทศ คาดว่า หลบหนีเขามาที่ประเทศไทย





นายอันเดร และนายอีกอร์ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลประเทศรัสเซีย ในความผิดเกี่ยวกับการผลิต การขายและการส่งยาเสพติดโดยผิดกฎหมาย ขณะที่นายอเล็กซานเดอร์ มีพฤติการณ์หลอกลวงว่าสามารถต่อวีซ่าให้ชาวรัสเซียด้วยกันได้ แม้วีซ่าจะหมดไปแล้วก็ตาม และนายบอรีส เป็นบุคคลที่ตำรวจสืบทราบว่ามีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด โดยทั้งหมดถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรแล้ว และถูกควบคุมตัวไว้ที่ห้องกักสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อส่งกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศต้นทาง





นอกจากนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยังจับกุมนายอาซาฟ คัทเซอร์ อายุ 38 ปี สัญชาติอิสราเอล ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหมายแดงตำรวจสากล ในข้อหาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ที่ได้หลบหนีออกจากประเทศแล้วมาหลบซ่อนในประเทศไทย รวมทั้งสามารถจับกุม 3 ผู้ต้องหาชาวจีน ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับจีนในคดีฉ้อโกงเกี่ยวกับธุรกิจที่ผิดกฎหมายสร้างความเสียหายรวมกว่า 8,500 ล้านหยวน หรือ คิดเป็น 42,500 ล้านบาท



 





 ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ 

ข่าวทั้งหมด

X